เป็นผู้หญิงเก่งที่ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ประสบความสำเร็จไปเสียหมด สำหรับ คุณเม -ณปภัช วรปัญญาสถิต ที่ทำธุรกิจมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบริษัททัวร์ Be Your Travel แฟรนไชส์ชานมแอมที แฟรนไชส์เจ้พงษ์ลูกชิ้นยืนกินบุรีรัมย์ ร้าน Er Te Café ร้านชานมและเค้ก ที่อยู่ในงานวันเกิดของน้องลิซ่า-แบล็กพิงค์ ล่าสุดหันมาจับแฟรนไชส์อาหารในชื่อ “39Ramen” ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นาน ก็มีแฟรนไชส์พุ่งทะยานไปถึง 20 สาขา ในเวลาเพียง 6 เดือน แม้งานจะอยู่วนรอบตัวเธอทุก 7 วัน เข้าบริษัทแบรนด์ละวัน มีบ้างที่เหน็ดเหนื่อย แต่เธอก็ยังดูมีความสุขและสนุกกับงานที่ทำ เธอยืนยันว่า ที่ทำธุรกิจทุกวันนี้ไม่ได้มาจาก passion เหมือนคนอื่น ๆ แต่มองว่าเป็นหน้าที่ ทำให้รักในสิ่งที่ทำและทำให้ดีที่สุด ซึ่งน่าจะเป็น Key Success สำคัญที่ทำให้ทุกธุรกิจที่เธอคนนี้ทำก้าวไปข้างหน้าแบบโตไม่หยุด โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่หยุดที่จะโตด้วย ผลลัพธ์ที่เธอมองไม่ใช่เพราะเงินหรือรายได้ แต่คืออะไรนั้น หาคำตอบได้จากบทสัมภาษณ์นี้
ที่มาของแฟรนไชส์ 39Ramen
ตอนที่ทำแฟรนไชส์ชานมและลูกชิ้น เรามองหาธุรกิจที่ไปทางสายอาหาร นั่งทานได้ ที่ตอบโจทย์สำหรับการทำงานหน้าร้านที่ง่าย ไม่ต้องเป็นเชฟ ก็เปิดร้านอาหารได้ เพราะเราเป็นคนทำอาหารไม่เก่งและไม่มีความรู้ด้านนี้มากนัก จนมาพบกับพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านอาหาร เค้ามีครัวกลางและทำร้านอาหารที่เป็นรูปแบบบุฟเฟ่ต์อยู่แล้ว จึงสามารถทำอาหารในต้นทุนสินค้าที่ตอบโจทย์แถมคุณภาพดีได้มาตรฐาน จึงเสนอไอเดียว่าอยากทำราเมนในราคา 39 บาท เมไปศึกษาตลาดราเมนพบว่าแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมีอยู่ไม่กี่แบรนด์ เฉพาะร้านราเมนที่รายงานยอดขายกับกระทรวงพาณิชย์อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ราเมนเจ้าใหญ่ในตลาดแบรนด์หนึ่งกินส่วนแบ่งไปแล้ว 2,000 กว่าล้านบาท เรามองว่ามันเป็นโอกาส ขอส่วนแบ่งแค่ 10% ของ 2,000 ล้านบาทก็พอ จึงเกิด “39Ramen” ขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2566 เปิดสาขาแรกที่ซอยอารีย์ เริ่มทำแฟรนไชส์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2566
เติบโตไวมอบบทเรียนในการทำธุรกิจ
เมได้ประสบการณ์จากช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ธุรกิจแฟรนไชส์ที่เราทำ ตอนนั้นเติบโตไวมาก คนมองหางานมองหาอาชีพเสริมกันหมด ซึ่งเรามองว่ามันโตเร็วเกินไป ทำให้หลังบ้านของเรายังไม่แข็งแรง เป็นบทเรียนที่พอมาทำ 39Ramen เราพยายามไม่ให้เราโตไวเกินไป ตอนที่เปิดตัว 39Ramen ก็ได้รับความนิยมพอสมควร ด้วยเรื่องราคาและรสชาติ ที่ดึงดูด มีบล็อกเกอร์มาขอรีวิว ลูกค้าจึงแห่มากินตามกระแส ทำให้ครัวกลางเสิร์ฟและซัพพลายของไม่ทัน พนักงานหน้าร้านขายแบบไม่ได้พัก ทำให้บริการลูกค้าไม่ดีบ้าง ของหมดบ้าง ลูกค้าเมื่อเจอประสบการณ์ไม่ดีก็มาคอมเมนต์ต่อว่าเราในโซเชียลก็มี ตรงนี้ทำให้ต้องหยุดและกลับมาทบทวนดูหลังบ้านของตัวเอง มีการหยุดขายแฟรนไชส์ไปพักนึงเลย เราเซ็ตระบบการทำงานให้ดี มีทีมทำงานหลังบ้านที่พร้อมซัพพอท ทั้ง Franchise Manager ทีม QC & Training ทีม R&D ทีมสต็อกสินค้า ทีมจัดส่งสินค้า ทีมเหล่านี้จะช่วยทำให้เรานิ่งได้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เราคัดเลือกแฟรนไชส์มากขึ้น โดยดูความตั้งใจจริง ความพร้อมในการลงทุน ทำเลตอบโจทย์ และอยากเติบโตไปด้วยกัน หากมีความคิดแบบนี้เค้าจะบริหารธุรกิจรอด
ทำไมต้องราเมนในราคา 39 บาท ?
39Ramen ราคานี้เข้าถึงง่าย เจาะกลุ่มทุกเพศทุกวัย เราโฟกัสไปที่คนทำงาน นั่นคือเหตุผลที่เปิดสาขาแรกที่อารีย์ แต่พอเลือกทำเลย่านออฟฟิศปรากฏว่ามีทั้งนักเรียน พ่อแม่ วัยทำงานที่เป็นลูกค้าเรา เลยมองว่าราเมนของเราเหมาะกับกลุ่มแมส แต่พอตั้งราคา 39 บาทก็มีคนที่ไม่กล้ากิน ซึ่งจริงๆแล้วคือราเมน 80 บาท ชามใหญ่นั่นแหละ แต่เราเอาชาม 80 บาท มาลดหั่นครึ่งหนึ่งในไซส์เล็ก เพราะมองว่าคนส่วนใหญ่อยากกินหลายซุป ทำไมต้องบังคับให้เค้ากินแค่ซุปเดียว ราเมนเหมือนร้านก๋วยเตี๋ยวที่หากินได้ตามข้างทางในญี่ปุ่น แต่เมืองไทยยกระดับราเมนต้องขึ้นห้าง ชามละ 200-300 บาท เรารู้สึกว่าราคามันสูงเกินไป จึงอยากทำราเมนให้เข้าถึงง่าย เป็นร้านคีออสเล็ก ๆ ขนาด 2x2 เมตร หรือ 3x3 เมตร สามารถยืนกิน เดินกิน หรือซื้อกลับไปกินที่บ้านได้
39Ramen มีความโดดเด่นแตกต่างจากราเมนในท้องตลาดอย่างไร ขายแฟรนไชส์ราคาเท่าไร ?
39Ramen เป็นราเมนเส้นสดคัดสรรวัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่น โดยนำเข้าแป้งจากญี่ปุ่นมาประกอบร่างในเมืองไทย ทำให้ราคาจับต้องได้ ความอร่อยนุ่มเหนียวของเส้นเทียบเท่าราเมนญี่ปุ่นแท้ แพ็คเกจแฟรนไชส์อยู่ที่ 99,990 บาท ได้อุปกรณ์พร้อมวัตถุดิบ และการเทรนนิ่งรวม 3 วัน 39Ramen มีน้ำซุปให้เลือก 4 รสชาติ ได้แก่ ซุปมิโซะ ซุปทงคัตสึ ซุปโซยุ และซุปต้มยำ นอกจากเมนูราเมนแล้วยังมีเมนูข้าวหน้าดงบุริ ให้เลือกกว่า 9 เมนู อาทิเช่น ข้าวหน้าลาวามันกุ้ง ข้าวหน้าปลาซาบะย่างราดซอสเทอริยากิ ข้าวหน้าปลาซาบะย่างราดซอสจิ้มแจ่ว ข้าวหน้าหมูราดซอสเทอริยากิ ข้าวหน้าหมูราดซอสจิ้มแจ่ว ข้าวหน้าหมูราดซอสโคชูจัง ข้าวหน้าไก่ย่างราดซอสเทอริยากิ ข้าวหน้าไก่ย่างราดซอสจิ้มแจ่ว และข้าวหน้าไก่ราดซอสโคชูจัง ในราคาเริ่มต้น 49 บาท 39Ramen ใช้เวลาคืนทุนประมาณ 6 เดือนขึ้นไป อย่างสาขาต้นแบบประมาณ 4 เดือนก็คืนทุนแล้ว
จับธุรกิจหลายอย่างพร้อมกันจัดบาลลานซ์สมดุลในชีวิตอย่างไร ?
ทุกวันนี้เข้าบริษัทแบรนด์ละวัน เทคนิคการบริหารคือค่อย ๆทำทีละตัวให้มันนิ่ง และสร้างระบบเข้าไปตรวจสอบ จึงสามารถลุกขึ้นมาทำธุรกิจตัวใหม่ได้ เมถึงได้พูดว่าทุกวันนี้ไม่ได้ทำในสิ่งที่รัก แต่รักในสิ่งที่ทำ เมื่อมาทำแฟรนไชส์เป็นการทำธุรกิจที่เป็นผู้ให้อย่างแท้จริง เราได้เห็นว่ามีคนกำเงินก้อนสุดท้ายมาซื้อแฟรนไชส์ด้วยความคาดหวัง เราไม่ได้ตั้งค่าแฟรนไชส์แบบตีหัวเข้าบ้าน มันเลยมีความสุขที่ได้เห็นแฟรนไชส์ซีเค้าเติบโตและคืนทุน ทำให้เราอยากพัฒนาแฟรนไชส์ตัวต่อไปอีกเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าให้ทำตัวต่อไปก็ยังมองธุรกิจอาหาร เพราะทำแล้วรู้สึกว่าสนุก แต่ ณ ตอนนี้ก็ยังขอโฟกัสกับแบรนด์ที่อยู่ในมือก่อน
เมื่อปลายปี 2566 ที่ผ่านมาเปิดแฟรนไชส์ 39Ramen ไปแล้ว 20 สาขาทั่วประเทศ และเปิดสาขาในประเทศกัมพูชาด้วย สำหรับปี 2567 นี้ ตั้งเป้าเปิดอีก 40-50 สาขา 39Ramen ที่เป็นร้านสาขาของเราเองมี 4 แห่งคือ สาขาอารีย์ โลตัสสุขาภิบาล 1 เดอะมอลล์บางกะปิ และเดอะมอลล์บางแค ในอนาคตจะพัฒนาบางสาขาที่มีที่นั่ง เป็นร้าน IZAKAYA ที่มีเมนูปิ้งย่าง ของทอด และจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ด้วย เพื่อให้แฟรนไชส์ซีมียอดขายที่สูงมากขึ้น
มุมมองแง่คิดสำหรับคนทำธุรกิจและเอสเอ็มอีในเมืองไทย
เมเป็นคนเดินทางมาแล้วมากมาย เห็นว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว ธุรกิจเอสเอ็มอีประเทศเค้าเติบโตมาก เช่น จีน ญี่ปุ่น อเมริกา ในขณะที่เมืองไทยธุรกิจเอสเอ็มอี จีดีพีน้อยนิด จีดีพีส่วนใหญ่ของประเทศไปอยู่กับบริษัทยักษ์ใหญ่ไม่กี่สิบบริษัท เมื่อเราพบวิกฤตโควิด-19 จึงได้รับผลกระทบรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา ที่เมมุ่งมั่นหันมาทำแฟรนไชส์เพราะรู้สึกว่า เราจะเป็นตัวหนึ่งที่อาจพอจะช่วยขับเคลื่อนให้จีดีพีของประเทศมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นบ้าง ถ้ามีคนคิดแบบนี้และมาช่วยกันทำเหมือนที่เราทำ ก็จะทำให้เอสเอ็มอีไทยแข็งแรง สามารถขยายเติบโตได้ วันข้างหน้าอาจมีธุรกิจเอสเอ็มอีเมืองไทยที่เติบโตในต่างประเทศได้อีกมากมาย