หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่ 6 มีนาคม 2567 ให้ศาลโลกตัดสินพื้นที่ทับซ้อน ...*...
กลายเป็นประเด็นร้อน คือ พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ระหว่าง ประเทศไทย กับ กัมพูชา ที่ เป็นปัญหา ก็เพราะว่า เป็นแหล่งพลังงานใหญ่ มีทั้ง น้ำมัน และ ก๊าซ จำนวนมหาศาล ประมาณมูลค่ากว่า 20 ล้านล้านบาท นอกจาก มีผลประโยชน์ของชาติเป็นเดิมพัน แล้วยัง มีผลประโยชน์ส่วนตนแอบแฝงอีกต่างหาก ...*...
ทั้ง ไทย กับ กัมพูชา ต่างก็ มีการเขียนแผนที่ไหล่ทวีปคนละฉบับ แน่นอนครับ ต่างฝ่ายต่างก็อ้างสิทธิรับรองครองพื้นที่ในทะเล เพื่อ ให้ครอบคลุมพื้นที่แหล่งพลังงานใต้ทะเลให้มากที่สุด โดย ปักหมุดที่สำคัญ ของ พื้นที่แหล่งพลังงาน จากการสำรวจ อยู่ในพื้นที่น่านน้ำไทยมากกว่า ดูตามแนวแล้ว อยู่ใกล้เกาะกูด ของไทย มากกว่าเกาะกง ของกัมพูชา และ แหล่งพลังงานเกือบทั้งหมดอยู่ในเขตน่านน้ำไทย จะมีไหลออกไปน่านน้ำกัมพูชานิดหน่อย ...*...
กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา แผนที่ไหล่ทวีป ฉบับของ กัมพูชา แทนที่ จะปักหมุดเริ่มต้น ที่ บนฝั่งทะเลในผืนแผ่นดินของตน ดันผ่า ปักหมุดตั้งต้นที่อำเภอคลองใหญ่ ที่ เป็นเขตดินแดนของไทยในจังหวัดตราด แถมยัง ปาดเส้นออกสู่ทะเลเป็นแนวนอน เพื่อ ทับซ้อนเกาะกูดของไทย จุดนี้เป็นเรื่องอ่อนไหวมากนะครับ อย่าเผลอไปยอมรับพื้นที่ทับซ้อนเด็ดขาด เพราะ เท่ากับไปยอมรับว่าเกาะกูดเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชาในอนาคต ...*...
ในปี พ.ศ.2544 สมัยที่ นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีการทำบันทึกความเข้าใจ หรือ เอ็มโอยู กับ รัฐบาลกัมพูชา โดยเอา แผนที่ไหล่ทวีปของไทยกับกัมพูชามาแนบท้าย และ มีการแบ่งส่วนประโยชน์กัน โดย ไทยได้ 80 % และ กัมพูชาได้ 20 % แต่ ตกลงกันไม่ได้ จนถึงปัจจุบัน …*…
การพบกันล่าสุด ท่านสมเด็จฮุนเซ็น ประธานองคมนตรีกัมพูชา อ้างว่ามาเยี่ยมเพื่อนรัก คือ นายทักษิณ ชินวัตร หลังจากการได้ “พักโทษ” เพียงวันเดียว เมื่อหลังกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่ากันว่า มีการพูดคุยเจรจาผลประโยชน์พลังงานใต้ทะเลอ่าวไทย ว่ากันไว้ที่ ห้าสิบห้าสิบ หรือ คนละครึ่ง ซึ่งปัจจุบัน มีการส่งสัญญาณไปถึงรัฐบาลเสี่ยนิดนอมินี เพื่อ เป็นจุดนำร่องเจรจากันใหม่ …*…
ประสา บารอน พอยอมรับได้ สมัยรัฐบาลท่านนายกฯทักษิณ ในส่วนแบ่งผลประโยชน์ ไทย 80% และให้ กัมพูชา 20 % แต่ ห้าสิบห้าสิบมันเกินไป อีกทั้ง ยังเสี่ยงที่จะสูญเสียเอกราชบนพื้นที่เกาะกูด หาก ขืนไปยอมรับพื้นที่ทับซ้อน แต่ หนทางออกที่ดีที่สุด ที่นี่ บารอน ว่า ให้ศาลโลกตัดสินดีกว่า เพื่อให้โลกรู้ว่า ไหล่ทวีป บนแผนที่กัมพูชา ไม่ได้อยู่บนผืนแผ่นดินกัมพูชาเลย เป็นเหตุให้ กัมพูชาไม่มีสิทธิจะอ้างไหล่ทวีปบนผืนแผ่นดินไทยได้ …*…
“บารอน” เปิดหมวกแสดงความยินดีกับ “อดีตนายกฯปู” นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพวก หลุดพ้นคดีโรดโชว์ เมื่อ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ยกฟ้อง ตามคำร้องของโจทก์ ป.ป.ช. ที่เห็นแย้งกับ อัยการสูงสุด ที่ เคยสั่งไม่ฟ้องไปแล้วก่อนหน้านี้ ...*...
ยิ่ง อ่านคำพิพากษาแล้ว ที่นี่ บารอน ขอน้อมรับในคำวินิจฉัยที่ แสดงออกถึงความยุติธรรมอย่างแท้จริง ไม่มีอะไรให้สงสัย อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นเพียง ผู้อนุมัติงบกลางโครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ ที่ เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล ซึ่ง ผ่านการพิจารณาจากทุกหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง และสุดท้าย ผ่านมติ ครม. ...*...
ส่วนอีก 5 จำเลย คือ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนากยฯ ตกเป็นจำเลย เพราะ เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ให้กับ 3 จำเลย ได้แก่ บริษัทมติชน บริษัทสยามสปอร์ต และ นายระวิ โหลทอง อยู่ในฐานะ ผู้สนับสนุน ขนาด รัฐบาล คสช. ของ อดีตนายกฯลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นผู้ปฏิวัติรัฐบาลน้องปูแท้ๆ ยังตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีก พบว่า ไม่มีอะไรผิด ทุกขั้นตอน เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกฯ แถม ยังอนุมัติจ่ายเงินย้อนหลังให้เสียอีก คำสั่งยกฟ้องทั้งอีก 5 จำเลย ไม่มีอะไรให้เคลือบแคลงสงสัยเลยครับ ...*...
ความจริงแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สามารถ เลื่อนอ่านคำพิพากษาไปก่อนก็ได้ เนื่องจาก อดีตนายกฯปู หนึ่งในหกผู้ต้องหา ไม่มาฟังคำพิพากษา ซึ่งเป็นคดีอาญาผู้ต้องหาต้องมาฟังพิพากษาด้วยตนเอง พร้อมกับออกหมายจับ แต่ คดีนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไร อีกทั้ง มีการออกหมายจับอดีตนายกฯปูอยู่แล้ว ...*...
ที่น่าชื่นชม คือ นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง หนึ่งในตุลาการศาลฎีกาฯ ต้องออกไปเป็น ป.ป.ช. ตำแหน่งใหม่ที่ผ่านทุกขั้นตอนแล้ว หากเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไป จะทำให้ องค์คณะตุลาการศาลฎีกาฯไม่ครบ ต้องรอการสรรหาใหม่ อาจต้องใช้เวลานานไม่น้อยกว่า 6 เดือน เป็นสำนึกของตุลาการภิวัตน์ บารอน ขอใช้บรรทัดนี้ น้อมคารวะในจิตสำนึกดีครับ
ที่มา:บารอน (6/3/67)