สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุแก๊งอาชญากรรม พร้อมอาวุธครบมือ บุกจู่โจมเข้าไปในเรือนจำปอร์โตแปรงซ์ ซึ่งเป็นเรือนจำที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเฮติ ตั้งอยู่ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ เมื่อช่วงค่ำของวันเสาร์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้เกิดจลาจลในเรือนจำ ซึ่งภายในมีนักโทษจำนวนมากกว่า 4,000 คน โดยมีรายงานว่า นักโทษส่วนใหญ่จากจำนวนดังกล่าว หลบหนีออกมาจากเรือนจำ ซึ่งมีเพียงนักโทษส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังอยู่ในเรือนจำไม่หลบหนีไปไหน เพราะหวั่นเกรงอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิต
รายงานข่าวแจ้งว่า แก๊งอาชญากรรมที่บุกเข้าไปในเรือนจำ ยังได้ชักชวนจากนักโทษในเรือนจำ ให้ร่วมมือกันก่อเหตุจลาจลในเรือนจำ รวมถึงให้ช่วยกันโค่นล้มรัฐบาลเฮติอีกด้วย ซึ่งบรรดานักโทษที่หลบหนีออกมาจากเรือนจำในครั้งนี้ ยังได้ก่อความวุ่นวายตามสถานที่ต่างๆ ภายนอกเรือนจำอีกด้วย
ทั้งนี้ ภายหลังเกิดเหตุทางรัฐบาลเฮติต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อช่วงเย็นของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาท้องถิ่น พร้อมทั้งห้ามประชาชนออกนอกเคหาสถานในเวลาที่กำหนด ตั้งแต่เวลา 18.00 น. - 05.00 น. ตั้งแต่วันที่ 3 – 6 มี.ค.และจะมีการต่ออายุประกาศดังกล่าวทุก 72 ชั่วโมง
พร้อมกันนี้ รายงานข่าวเผยว่า ที่ผ่านมาเฮติเผชิญกับความรุนแรงของแก๊งอาชญากรรมต่างๆ อย่างร้ายแรง จนนายเอเรียล อองรี นายกรัฐมนตรีเฮติ ต้องเดินทางไปร้องขอให้ประเทศต่างๆ จัดตั้งเป็นกองกำลังนานาชาติเข้ามาจัดการกับแก๊งอาชญากรรมในเฮติ เบื้องต้นมี 5 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ บาฮามาส บังกลาเทศ บาร์เบโดส เบนิน และชาด โดยสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ให้การสนับสนุน พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณ จำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (คิดเป็นเงินไทยราวกว่า 360 ล้านบาท) มาให้แก่เฮติด้วย