ตำรวจจราจร กก.5 บก.จร. จับหนุ่มรับจ้างขนยาคาด่านตรวจเมา พร้อมยึดของกลางยาบ้า กว่าล้านเม็ด ก่อนส่งลงใต้

วันนี้ (1 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงข่าวผลงานของกองกำกับการ 5 บก.จร. ที่สามารถจับกุมหนุ่มเสพยาและลักลอบขนยาบ้าคาด่านตรวจกลางถนนพระรามที่ 2 สามารถตรวจยึดยาเสพติดได้ถึง 1 ล้านเม็ด 

โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 02:00 ขณะที่ตำรวจ กก.5 บก.จร. ตั้งด่านจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์และป้องกันอาชญากรรมอยู่บริเวณถนนพระรามที่ 2 แขวงบางมด เขตจอมทอง พบว่ามีรถยนต์เก๋งส่วนบุคคล MG สีแดง ป้ายทะเบียน กน 5423 เพชรบุรี ขับขี่ผ่านมายังจุดตรวจ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตเห็นว่า ผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวมีท่าทีเป็นพิรุธต้องสงสัย เลยเรียกให้หยุดรถเพื่อขอทำการตรวจค้นรถ ต่อมาจึงทราบว่า นายปรีชา (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี เป็นผู้ขับขี่  

เจ้าหน้าที่ได้เชิญนายปรีชาลงจากรถเพื่อทำการตรวจค้น ทว่า นายปรีชาวิ่งหลบหนีในระหว่างตรวจค้นรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิ่งติดตามและจับกุมตัวไว้ได้ ห่างจากบริเวณจุดตรวจประมาณ 500 เมตร และได้นำตัวนายปรีชากลับมาที่จุดตรวจ 

สำหรับผลการตรวจค้นรถยนต์ พบของกลางเป็นยาบ้าประมาณ 1 ล้านเม็ด ซุกซ่อนอยู่บริเวณเบาะหลังและท้ายรถยนต์ จากการสอบถามนายปรีชา ได้กล่าวยอมรับว่า ยาบ้าที่พบเป็นของตนจริงและนายปรีชาเสพยาบ้ามาก่อนที่จะถูกจับกุม โดยนายปรีชาเป็นผู้รับจ้างขนยาเสพติดจากพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา กำลังไปส่งต่อให้กับผู้ค้าในพื้นที่ภาคใต้ ได้ค่าจ้างขนยาเสพติด 6,000 บาทต่อครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน  และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยผิดกฎหมาย” พร้อมยึดยาบ้าและรถยนต์ไว้เป็นของกลาง 

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติอาชญากร พบว่านายปรีชาเคยมีประวัติต้องโทษเกี่ยวกับยาเสพติดในข้อหาจำหน่ายยาเสพติดที่ จ.เพชรบุรี เมื่อปี 2554 ซึ่งหลังจากนี้สอบปากคำนายปรีชาอย่างละเอียด เพื่อขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องและตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อไป 

พล.ต.ต.ธวัช เปิดเผยว่า ถือว่าเป็นผลงานของตำรวจจราจรที่ตั้งด่านสกัดตรวจจับวัดปริมาณแอลกอฮอล์และป้องกันอาชญากรรมบนท้องถนนตามปกติ แต่ก็สามารถที่จะสกัดจับกุมผู้ลักลอบขนยาเสพติดได้ โดยต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่มีไหวพริบปฏิภาณในการสามารถตรวจสอบได้ว่า ผู้ต้องหามีอาการพิรุธจนนำมาสู่การตรวจค้นจับกุมในครั้งนี้ 

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำด่านตรวจเห็นว่า ตัวคนขับรถแสดงอาการท่าทางผิดปกติ อีกทั้งในระหว่างการเรียกให้จอดและเชิญลงจากรถนั้น ก็ได้กลิ่นยาบ้าคละคลุ้งจากในรถ พร้อมทั้งได้มีการตรวจสอบในช่องปาก พบว่าที่โคนลิ้นมีสีฟ้าและมีกลิ่นยาบ้าลอยออกมา จึงค่อนข้างแน่ชัดว่า คนขับรถต้องเสพยามาก่อน และยิ่งตัวคนขับรถพยายามวิ่งหลบหนีการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ จึงแน่ชัดว่าน่าจะมีสิ่งผิดกฎหมายครอบครองอยู่ 

พล.ต.ต.ธวัช ระบุเพิ่มเติมว่า ตามปกติแล้ว ขบวนการลักลอบขนยาเสพติดจะต้องมีรถนำที่คอยตรวจตราด่าน และส่งสัญญาณเตือนไปยังรถที่ขนยาเสพติด เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทาง แต่คาดว่าในกรณีนี้อาจจะเห็นเป็นเพียงแค่จุดตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ จึงไม่ได้เอะใจว่าเจ้าหน้าที่จะมีความชำนาญในการตรวจจับยาเสพติด จึงไม่มีการว่งสัญญาณเตือน ทั้งนี้อยู่ในระหว่างการขยายผลเพิ่มเติมเพื่อหาตัวผู้ร่วมขบวนการรายอื่น ๆ มาดำเนินคดีต่อไป ซึ่งหากยาเสพติดล็อตนี้ถูกหลุดออกไปได้นั้น อาจจะสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนและสังคมอย่างมาก