วันที่ 28 ก.พ. 2567 ที่สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง จ.ยะลา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่จังหวัดปัตตานีและยะลาว่า ได้เดินทางลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาได้ทำภารกิจไปเยอะ วัตถุประสงค์ในการมาชัดเจน เพื่อมาค้นพบสิ่งที่ซ่อนเร้นที่มีค่า หรือที่กำลังจะมีและดูเรื่องโอกาสศักยภาพที่จะสามารถไปต่อยอดได้ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ วัฒนธรรม ท้องถิ่น เน้นการสร้างโอกาส และความเสมอภาค เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หากย้อนหลังไปประมาณปีที่ผ่านมา เรื่องของความไม่สงบน้อยลงไปเยอะ คงควบคู่ไปกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีรัฐบาลนี้มายกเลิกใบตม.6 นักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้ามาท่องเที่ยว จากสัปดาห์ละประมาณ 10,000 คน กลายเป็น 30,000 กว่าคน ในส่วนของมัสยิดกรือเซะ ขอยอมรับว่าเป็นการเข้ามัสยิดครั้งแรก ประทับใจในรอยยิ้มไมตรีจิตที่พี่น้องให้การต้อนรับอย่างดี เห็นสันติภาพและสันติสุขในแววตาของพี่น้องทุกคนที่มา

นายกฯ กล่าวว่า จากการได้ฟังเพลงวงออเคสตร้า ซึ่งไพเราะมากและซึ้งใจที่มีการเล่นเพลง Can't Help Falling in Love ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าหมายถึงใครไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ที่บอกว่าให้นายกฯ ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ในช่วงที่พระมหากษัตริย์บรูไนจะมาเยือนประเทศไทย ตนได้บอกน้องๆ วงออเคสตร้าให้มาเล่นที่ทำเนียบรัฐบาล และจะได้มาทัศนศึกษาที่ทำเนียบฯด้วย เพื่อจะได้มีความหวังและเป็นแรงบันดาลใจ

“จริงๆแล้วผมมาที่นี่มาดูเรื่องโอกาส ไม่อยากพูดถึงเรื่องปัญหา แต่เราเห็นโอกาสเยอะแล้ว จริงๆแล้วปัญหาส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในอดีตคือความห่างเหินระหว่างประชาชนข้าราชการ ซึ่งอาจจะมีความไม่เข้าใจกัน แต่ไม่ได้หมายความว่า เราไม่ได้ให้งบประมาณ เรื่องงบประมาณที่นี่เยอะ แม้จะมีการใส่งบประมาณไปแล้ว มีโครงการไปแล้ว แต่การใส่เงินลงไปไม่สำคัญเท่าการใส่ใจ การที่ผมลงมาที่นี่ด้วยตัวเองและมาค้าง 2 คืนถือเป็นนายกฯ ในรอบ 10 ปี ที่ไม่ได้มาค้างที่นี่ถือเป็นการแสดงเจตจำนงชัดเจนว่า เราจะนำความเสมอภาคความเท่าเทียมและโอกาสมาสู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นี้

และผมอยากให้พี่น้อง สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความไว้วางใจรัฐบาลนี้ เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีต และจะเข้าเดือนรอมฎอนหรือพิธีถือศีลอด ซึ่งเป็นพิธีทาง ศาสนาอิสลาม มีการยกโทษให้กันและกัน เป็นเรื่องของการที่เราต้องเดินไปข้างหน้า วันนี้รัฐบาลพร้อมที่จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างประชาชนกับประชาชนในทุกเขตทุกประเทศ เพื่อให้เราลืมความทุกข์ และวันนี้อยากขอให้เราโฟกัสในเรื่องของโอกาสจะดีกว่า เพราะตอนนี้กำลังเห็นโอกาสอีกเยอะ พรุ่งนี้ไปจังหวัดนราธิวาส ก็คงได้เห็นโอกาสอีกเยอะ“ นายเศรษฐา กล่าว 

เมื่อถามถึง การคมนาคมขนส่งในพื้นที่สามจังหวัดใช้แดนภาคใต้ นายกฯ กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ครั้งนี้นายสุริยะ  จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม และปลัดกระทรวงก็ลงพื้นที่มาด้วยรวมถึงมีการพูดคุยถึงเรื่องถนน สนามบิน แต่ก็ต้องเข้าใจในเชิงพาณิชย์ด้วย ถ้าจะให้เอกชนบินมาก็ต้องมีดีมานด์ด้วย ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้มาครีเอทดีมานด์มาสร้างให้ทั่วโลกรู้ว่า สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจังหวัดที่น่าท่องเที่ยว และถ้ามีดีมานด์เข้ามาไม่ต้องห่วงเครื่องบินจะมาลงอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ยังมีปัญหาเรื่องของความมั่นคง นายกฯ  กล่าวว่า ความเป็นจริงแล้วฝ่ายความมั่นคงทำงานมาได้ด้วยดีตลอดเวลา อย่างปีที่ผ่านมาปัญหาก็น้อยลงไปอย่างมาก ไม่มีใครอยากให้มีปัญหา วันนี้เราต้องพูดถึงโอกาสมากกว่า ถ้าเกิดเราลืมเรื่องความไม่มั่นคงหรือ การทะเลาะเบาะแว้ง แล้วมาพูดเรื่องของโอกาส เชื่อว่าทุกคนก็อยากมีโอกาส อยากมีเงินในกระเป๋า ถ้าเศรษฐกิจดี มีความเสมอภาคเท่าเทียม ได้รับการศึกษาที่ถูกต้อง ได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียมของทุกคนที่เป็นคนไทย ตนเชื่อว่าปัญหาต่างๆจะไม่เกิดขึ้น  

เมื่อถามถึง เรื่องการพูดคุยสันติภาพที่รัฐบาลสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ริเริ่มซึ่งวันนี้จะครบรอบ 11 ปี รัฐบาลจะมีการต่อยอดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แน่นอนว่าจะต้องดำเนินการต่อ แต่ในการพูดคุยกันอยากให้พูดคุยเรื่องของโอกาส เรื่องของอนาคตที่ดี ที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกลับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อถามย้ำว่าการพูดคุยจะไม่มีการล้มใช่หรือไม่ นายกฯ ยืนยันว่าจะไม่มีการล้มแน่นอน

เมื่อถามว่า ในอนาคตมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้  นายกฯ  กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องพูดคุยกัน วันนี้อย่างที่ตนขอร้องไว้ การลงมาครั้งนี้ไม่อยากพูดถึงเรื่องพวกนี้ เราไม่อยากพูดถึงความขัดแย้งความไม่มั่นคง  เราขอพูดถึงเรื่องโอกาสและศักยภาพดีกว่า ตนเชื่อว่าทุกคนรักและอยากทำให้ประเทศไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันพี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ได้รับสิทธิเท่าเทียมกับเรา จึงอยากให้โฟกัสเรื่องนี้มากกว่า

เมื่อถามถึง นโยบายสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่งและยังยืนต่อหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ตนพูดมาทุกเรื่อง คือการสนับสนุนด้านเหล่านี้ และไม่ใช่เราแค่ประเทศเดียว ร่วมมือที่เราได้รับความร่วมมือที่ดีจาก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ความจริงการลงพื้นที่ครั้งนี้ตนได้เชิญท่านมาร่วมลงพื้นที่ แต่ท่านติดภารกิจเดินทางไป ประชุมอาเซียน-ออสเตรเลียก่อน ขณะนี้อยู่นะหว่างการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอยู่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้สั่งรูปมายืนยันว่านายกฯมาเลเซียไม่ได้เบี้ยวตน 

เมื่อถามว่า มีโอกาสที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียมาร่วมลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยหรือไม่  นายกฯ กล่าวว่า ปีหน้าจะนัดมาและจะเปลี่ยนไปเมืองต่างๆด้วย และเชื่อว่าท่านไม่รังเกียจและยินดีที่จะร่วมพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ให้มันดี ทั้งตอนเหนือของมาเลเซียและตอนใต้ของไทย  ซึ่งความจริงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชนมันดีเยี่ยมอยู่แล้ว 

เมื่อถามถึง สนามบินเบตงมีสิทธิ์ที่จะพัฒนากลับมาให้ใช้ใหม่ได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเห็นใจภาคเอกชนเช่นกัน เพราะเป็นเรื่องเชิงพาณิชย์ ซึ่งต้องมีเรื่องผลกำไร หรืออย่างน้อยต้องไม่ขาดทุน หรือขาดทุนน้อย หากอยู่ดีๆเราไปบังคับให้เอกชนมาให้บริการ ต้องนึกถึงใจเขาใจเราด้วย แต่ถ้าเกิดมีดีมานด์เข้ามา สามารถที่จะพาคนเข้ามาได้ เขาก็เข้ามาเอง อย่างการบินไทยเองก็อยู่ในสภาพที่เรียกรัฐบาลไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่หากปลายปีนี้ กระทรวงการคลังสามารถเจ้าไปถือหุ้นใหญ่ก็อาจจะมีนโยบายดูว่าจะเข้าไปสนับสนุนตรงนี้ได้หรือไม่ 

“เราไม่อยากบังคับใคร เราอยากให้เป็นไปตามกลไกลการตลาดมากกว่า และมีหลายอย่างที่เราต้องคำนึงถึง ไม่ต้องห่วงครับถ้ามีดีมานด์ ผมคุยหมดทุกอย่าง เช่นเดียวกับสนามบินที่ปัตตานี ยะลา ก็อาจจะคุยกับกองทัพได้ ทั้งกองทัพอากาศและกองทัพบก เรื่องความมั่นคงก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจก็ต้องส่งเสริมให้มีความมัานคงทางทหารด้วย  

ดังนั้นหากสามารถเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันได้ สามารถพูดคุยกันได้อย่างตรงไปตรงมา กับทางผู้นำเหล่าทัพทุกคน ผมเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ดี และทุกท่านเองก็ทราบดีว่ามิติใหม่ของความมั่นคง ไม่ใช่แค่เรื่องความมั่นคงอย่างเดียว จะมีเรื่องเศรษฐกิจและการค้าเข้ามาด้วย ผมเชื่อว่าถ้าท่านมีส่วนในการที่จะพัฒนาการบินพาณิชย์ได้ มีการแชร์ทรัพยากร ก็เชื่อว่าทุกท่านอยากมีส่วนร่วม“ นายกฯ กล่าว