หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ยืนหยัดฟันฝ่า ทุกอุปสรรค ทุ่มเท ทำงานรับใช้สังคม นำเสนอความจริง ผลงานก้าวสู่ปีที่ 74 เป็นเครื่องพิสูจน์ ...*...

 ถึงแม้จะได้ “นายกฯคนใหม่” คือ “แพทองธาร ชินวัตร” อย่างรวดเร็ว ปิดเกมเพียงข้ามวัน  ด้วย “บารมี” ของ “พ่อ” ที่ชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” แต่เรื่องที่จะได้ “ครม.ใหม่” เมื่อไหร่นั้น ยังต้อง “ลุ้น” กันต่อ ว่าทุกอย่างจะเดินไปตามไทม์ไลน์ ที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯแพทองธาร บอกเอาไว้ได้หรือไม่ ? ว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นภายในเดือนส.ค.นี้ จากนั้นจึงจะนำ “รายชื่อ” ขึ้นทูลเกล้าฯ คาดว่าภายในต้นเดือน ก.ย.หรือไม่เกินกลางเดือน ก.ย. จะได้ “รัฐบาลชุดใหม่” สามารถทำหน้าที่ได้…*…

ปัญหาที่ยังทำให้ “การเมือง” ติดล็อก คือกระบวนการตรวจสอบ “คุณสมบัติ” ในทุกๆ “รายชื่อ” จากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด  ที่ส่งมาถึงมือ “หมอมิ้งค์” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี  โดยเป็นการตรวจสอบชนิดเข้มข้น ประสานกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แม้แต่ “คณะกรรมการกฤษฎีกา” ยังต้องเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน…*…

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ “ปกรณ์ นิลประพันธ์”  เลขาฯกฤษฎีกา บอกกับสื่อว่า นี่เป็นครั้งแรก ยังไม่นับรวมหน่วยงานทางกระบวนการยุติธรรม ต่างๆ ทั้งนั้นทั้งนี้ “ทักษิณ” ต้อง “เซฟที่สุด” ไม่ให้ “ลูกสาว” ซ้ำรอย “เศรษฐา ทวีสิน” ที่ต้องกลายเป็น “อดีตนายกฯ”  พังเพราะ “ใบสั่ง” ให้ตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” มาเป็นรัฐมนตรีฯ แถมยังเป็น “ใบสั่ง” ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ด้วยซ้ำ …*…

ความจริงแล้ว กระบวนการ ตรวจสอบ “คุณสมบัติ” ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น ควรต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น และมี  “มาตรฐานสูง” ด้วยสำนึกของ “วิญญูชน” พึงระลึกและกระทำอยู่แล้ว โดยต้องอยู่เหนือมาตรวัดทาง “กฎหมาย” ต้องมีความพร้อมด้วย ความรู้ ความสามารถ และความดี ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองก็จะมีแต่ความวุ่นวาย พูดคุยกันให้ลงตัวด้วย “ผลประโยชน์ส่วนตน” เป็นที่ตั้ง “ประชาชน” คือคนสุดท้ายที่จะถูกพูดถึง …*…

 การตั้ง ครม.รอบนี้ กำลังเป็นเสมือน “เกม” บนกระดานที่ถูกกำหนดโดย “ทักษิณ”  และในเวลาเดียวกันยังเป็นเหมือนการกลับมา “ล้างแค้น” บรรดา “คู่ปรับเก่า” ทั้งสิ้น ที่ “ทักษิณ” แสดงวิสัยทัศน์บนเวทีใหญ่ ครั้งล่าสุดเรียกหา “ความสามัคคี” นั้นคงเป็นแค่ “ลมปาก”  เอาเข้าจริง ที่เห็นและเป็นอยู่เวลานี้ คือการส่ง “ม้าเมืองทรอยส์” เข้าไปทำลาย ทั้ง “ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐ-ไทยสร้างไทย” ปั่นป่วนกันถ้วนหน้า “ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐ” ถูกแบ่งแยกออกเป็น “สองฝักสองฝ่าย” โดยอาศัย “ความขัดแย้งภายใน” ที่มีมาแต่เก่าก่อน เป็น “เชื้อ” ตามมาด้วยการเล่นเกม “ตั้ง ครม.” มาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ควบคู่ไปกับการอาศัย “มือไม้” ที่ล้วนเป็น “ลูกน้องเก่า” มาเขย่า ให้พรรคต้นสังกัดอยู่ในสภาพที่เรียกว่า แม้ไม่แตก แต่ “ต่อไม่ติด” อย่างที่เห็น ! …*…

ที่มา:พันแสง (26/8/67)