เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2567 ที่กระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 ครั้งที่ 2/2567 ว่า การประชุมคณะกรรมการค่าจ้างฯวันนี้มีมติให้มีการปรับสูตรการคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ โดยคำนวณตามรายพื้นที่และประเภทกิจการ ซึ่งต้องพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้ 10 จังหวัดพื้นที่ท่องเที่ยว ได้แก่ กรุงเทพมหานคร , ภูเก็ต , ชลบุรี , เชียงใหม่ , สุราษฎร์ธานี , กระบี่ , สงขลา , พังงา , ประจวบคีรีขันธ์ และระยอง ยกตัวอย่างพื้นที่ กทม. ในเขตปทุมวัน เขตสาทร , จ.พังงา ในพื้นที่ อ.เขาหลัก , จ.สงขลา อ.หาดใหญ่ หรือ จ.ชลบุรี ใน ต.แสนสุข
โดยให้สำรวจอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับอยู่ตามมาตรฐาน ค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นของลูกจ้าง และข้อเท็จจริงของสังคมเศรษฐกิจ ตลอดจนความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก (SME) พร้อมกันนี้ ให้ทางอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัด สำรวจในจังหวัดของตนเองว่ามีพื้นที่ใดที่ควรได้รับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ และควรปรับเพิ่มในอัตราเท่าไหร่ โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการ จากนั้นให้ส่งผลการสำรวจกลับเข้าที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างฯ ในวันที่ 26 มี.ค.นี้
“ยืนยันว่าการพิจารณาสูตรค่าจ้างครั้งนี้ เป็นมิติใหม่ของการคิดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยครั้งนี้มีการคำนวณจากรายพื้นที่หรือคิดตามประเภทกิจการ การปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างครั้งนี้จะพยายามทำให้เสร็จตามไทม์ไลน์ คือ ประกาศใช้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ในเดือนเมษายน” ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าว
เมื่อถามว่ามีพื้นที่เป้าหมายใน 10 จังหวัดเท่านั้นที่จะได้รับการปรับค่าจ้างครั้งที่ 2 ในเดือน เม.ย.นี้ นายไพโรจน์ กล่าวว่า จะเป็นแนวทางนี้ แต่อาจจะมากกว่านี้หรือไม่ก็ต้องดูการพิจารณาของ 10 จังหวัดนี้ก่อน ส่วนจะได้ถึง 400 บาทต่อวันหรือไม่นั้น เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ไม่ขอพูดไปก่อน ซึ่งจะต้องทำตามข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการสำรวจ
“ยืนยันว่าไม่มีแรงกดดันจากรัฐบาลแต่อย่างใด พร้อมย้ำว่า การพิจารณาครั้งนี้มีการระดมสมองจากผู้ที่เกี่ยวข้อง” นายไพโรจน์ กล่าว