วันที่ 19 ก.พ. 67 เวลา 17.45 น. ที่สภ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี นายศิริชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี สามีของน.ส.ชลลดา หรือน้องนุ่น (ภรรยา) อายุ 27 ปี ได้อุ้มลูกเดินทางมาเข้าพบ พ.ต.ท.ณัฐธนพล อินทรเรืองศร สว. (สอบสวน)สภ.ปากเกร็ด ภ.จว.นนทบุรี เจ้าของคดี พร้อม น.ส.เพ็ญ (แม่ของน้องนุ่น) อายุ 42 ปี และครอบครัว โดยทางฝ่ายแม่น้องนุ่นต้องการให้ลูกเขยไปชี้จุดที่รถวิ่งและจุดที่น้องนุ่นหนีลงรถไปขึ้นแท็กซี่ ก่อนจะหายตัวไปบริเวณเลียบคลองปะปา เพราะแม่มีความสงสัยเกี่ยวกับคำบอกเล่ากรณีดังกล่าวของลูกเขยหลายจุด

พ.ต.ท.ณัฐธนพล อินทรเรืองศร สว. (สอบสวน) สภ.ปากเกร็ด กล่าวว่า จากการสอบสวนปากคำสามีให้การว่าภรรยาเคยไปทำงานที่ปอยเปตและทาง GPS ที่จ.ฉะเชิงเทราเป็นชายแดนปอยเปตจุดสุดท้ายของ GPS จึงได้ประสานเช็คไปทาง ตม. แถวปอยเปต มีรูปภาพออกไปปอยเปตมาเมื่อวันที่ 13 ก.พ. 67 ที่ผ่านมา ส่วนจุดเกิดเหตุเป็นทางเข้าหมู่บ้านลูกกอล์ฟ ถนนบอนด์สตรีท เมืองทองธานี 

น.ส.เพ็ญ (แม่น้องนุ่น) กล่าวว่า ตนไม่ได้อยู่กับลูกแค่ตอนที่ลูกเรียนอยู่ที่ จ.อุบลราชธานี แต่ตนมีหน้าที่เอาลูกมาอยู่กับตนตอนที่ลูกปิดเทอมจะอยู่คู่กับน้องชาย เขาไม่ได้เป็นคนขี้น้อยใจ เพราะว่าเวลาที่อยู่ด้วยกันกับตนน้องนุ่นจะเป็นคนมีเหตุมีผล มีอะไรจะพูดกับแม่ตลอด เพราะตนเคยบอกลูกไว้ว่ามีอะไรให้บอกตนได้เลย อย่าคิดว่าแม่เป็นคนอื่น เพราะแม่จะเป็นให้หมดเลย พ่อ แม่ เพื่อน ผิดถูกยังไงแม่จะบอกน้องนุ่นเอง ตอนนี้ตนรู้สึกเป็นห่วงลูกมาก และตั้งแต่ลูกมีครอบครัวตนก็ไม่เข้าไปยุ่ง ตนก็ได้เห็นลูกโพสต์ข้อความ รูปภาพต่างๆ ตนเห็นว่าเขามีความสุขแล้ว แต่ตนก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับลูกของตน ตนอยากบอกน้องนุ่นว่าติดต่อแม่มาหน่อยว่าอยู่ที่ไหน ถ้าไม่อยากให้ใครรู้ว่าอยู่ไหน ติดต่อแม่มาก็ได้

ด้านนายศิริชัย รักทอง (สามีน้องนุ่น) อายุ 33 ปี กล่าวว่า อยากให้น้องนุ่นกลับมา ตนเลิกน้อยใจเรื่องพวกนี้ได้แล้ว ถือว่าเห็นแก่ลูก เพราะเวลาทะเลาะกันก็จะออกจากบ้านไปแบบนี้เสมอ แต่ครั้งนี้หนีไปเพราะว่าตนพูดประชดและไม่รู้ว่าจะติดต่อยังไง ซึ่งตนจะเป็นฝ่ายง้อน้องนุ่นตลอดตั้งแต่มีลูก เวลาทะเลาะกันน้องนุ่นก็มีจิกหัวตนบ้างมีตีคืนบ้างแต่ตนก็ยอมมาตลอด ซึ่งเคยมีทะเลาะถึงขั้นลงไม้ลงมือกันเลือดตกยางออก แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำอีกเลย เคยแจ้งความไว้แล้วนานแล้ว จนเป็นคดีติดตัวของตนในคดีทำร้ายร่างกาย