เมื่อวันที่ 18 ก.พ.67 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ระบุว่า...

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวผ่านรายการสามารถ 5 นาที ช่องทางเฟซบุ๊กสามารถ เจนชัยจิตรวนิช และช่องทาง TikTok: jopstoploss ถึงกรณีที่ศาลอาญายกฟ้องร้านอาหารญี่ปุ่นดารุมะซูชิ กรณีขายคูปองบุฟเฟต์-แฟรนไชส์ ว่า ตนไม่เข้าใจว่าผู้เสียหายหลาย 100 คน เวลาแจ้งความดำเนินคดีผู้เสียหายได้อธิบายข้อมูล ให้กับพนักงานสอบสวนได้มากน้อยเพียงใด แล้วพนักงานอัยการมีความเห็นฟ้องในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฟอกเงิน ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งในประเด็นนี้ต้องดูก่อนว่าที่ศาลยกฟ้องเนื่องจากจำเลยไม่ได้มีเจตนาหลอกลวง หรือเจตนาฉ้อโกง เพราะมีเรื่องของคูปองเข้ามาเกี่ยวข้อง
เพราะถ้าซื้อแล้วคูปองใช้ไม่ได้ มันกลายเป็นสัญญาทางแพ่ง แต่ถ้าเป็นการฉ้อโกงหมายความว่า ธุรกิจที่เปิดขึ้นมา ตั้งใจที่จะหลอกลวงประชาชน หรือตั้งใจที่จะทำการตลาดเพื่อจะสร้างมูลค่าให้คนมาซื้อคูปอง หรือแฟรนไชส์เยอะ ๆ สุดท้ายก็ปิดหนีเช่นนี้

“เรื่องนี้ต้องนำสืบให้ชัดเจน ผมคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่เราต้องมีหน่วยงานที่จะรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง เพื่อที่จะพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถ และเข้าใจกลโกงกลอุบายนี้ ศาลชั้นต้น ระบุว่าดารุมะซูชิไม่ได้เป็นการหลอกลวงประชาชน แต่เป็นการผิดสัญญาทางแพ่ง วันนี้พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ ถึงเวลาที่จะต้องทบทวนว่า สิ่งที่ท่านกล่าวหาเขาไปตั้งแต่ต้นมันชอบหรือไม่ เพราะอย่างคดีแชร์ลูกโซ่ที่ผมลงไปช่วยเหลือ ไม่มีคดีไหนที่ศาลยกฟ้องเลย ศาลรับคำร้องทุกคดี”นายสามารถ กล่าว

นายสามารถ กล่าวต่อว่า กระบวนการแบบนี้ต้องเข้าใจเรื่องเจตนาก่อน ถ้าเขามีเจตนาที่จะฉ้อโกงตั้งแต่แรกการรับผิดทางอาญาก็จะต้องดูเรื่องของเจตนาภายนอกและเจตนาภายใน การฉ้อโกงหลอกลวงนั้นแสดงว่า เขามีเจตนาตั้งแต่ต้นที่จะหลอกลวง แต่การนำสืบหรือการเบิกความของผู้ต้องหานั้น เขาจะอ้างว่าเค้าประกอบธุรกิจแล้ว ประสบกับวิกฤตจึงไม่สามารถทำให้ธุรกิจเดินไปต่อได้ ซึ่งตนไม่เห็นกระบวนการสืบว่า ปลาแซลม่อน ราคาในตลาดเท่าไหร่ แล้วเขาขายราคาเท่าไหร่ อย่างเช่น คดีมันญี่ปุ่นที่ตนลงไปช่วย และศาลชั้นต้นลงโทษ เพราะตนก็นำสืบให้เห็นว่า กระบวนการนี้มีการหลอกลวงอย่างไร แล้วสุดท้ายไม่รับซื้อผลผลิตมันญี่ปุ่นคนที่คงไปช่วยชาวบ้านในคดีดารุมะได้ดูรายละเอียดของคดีเพียงแค่ไหน ต้องขอฝากด้วย

“วันนี้กฎหมายร่าง พรบ.ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดแชร์ลูกโซ่ บรรจุในระเบียบวาระที่ประชุมสภาแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะควร
จะต้องมีหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายที่เข้าใจในเรื่องนี้โดยตรง ความเชี่ยวชาญ ชำนาญการในเรื่องที่เกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนหรือแชร์ลูกโซ่นั้นจะต้องมีทักษะไม่ใช่จะบอกว่าใครต่อใครเป็นแชร์ลูกโซ่ก็ได้ เพราะจะต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง และการจะรับโทษทางอาญาต้องดูเจตนาแต่ต้นว่า มีเจตนาอย่างไร“

นายสามารถ กล่าวต่อว่า กรณีคดีดารุมะก็ยังมีศาลอุทธรณ์และฎีกาอยู่ วันนี้ก็คงต้องดีใจกับตัวจำเลยด้วยที่ได้รับอิสรภาพ แต่ขอแนะนำว่าผู้เสียหายกว่า 800 คนก็คงต้องจะไปฟ้องแพ่งคู่ขนานกันไป แต่กระบวนการที่ไม่เข้าความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ก็จะไม่ผิดมูลฐานฟอกเงิน พอเวลาเป็นคดีก็มีทั้งจำเลยและผู้เสียหาย ก็ต้องต่อสู่กันไป คนไม่ผิดก็ไม่ต้องรับโทษ แต่ถ้าคนไม่ผิดจะไปเอาโทษเขาก็คงจะไม่ถูกต้อง