วันที่ 16 ก.พ.2567 เวลา 09.30 ที่รัฐสภา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เปิดเผยถึงคืบหน้าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 67 ว่า ขณะนี้ทำงานมาแล้วครึ่งทางแล้ว หรือปริมาณงาน ร้อยละ 50.13 ในปีนี้ได้ปรับโครงสร้างการทำงาน อนุกรรมาธิการฯ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น โดยยังคงรักษาความละเอียดรอบคอบ เชื่อว่าจะสามารถพิจารณางบประมาณได้เสร็จเร็วกว่าปฏิทินงบประมาณที่เคยวางไว้ คาดว่าพร้อมเสนอต่อที่ประชุมสภาฯช่วงต้นเดือนเม.ย. แต่ขณะนี้กมธ.ฯได้ประชุมและมีมติเห็นชอบที่จะขอแจ้งต่อสภาฯ ว่า พร้อมที่จะเสนอเข้าสู่สภาฯ เพื่อพิจารณาวาระ 2 -3 ในวันที่ 20-21 มี.ค.67 ซึ่งเท่ากับว่าทำงานได้เร็วขึ้น ประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งก็จะเป็นผลดีต่อสภาฯเมื่อพิจารณาแล้วก็จะส่งต่อไปยังวุฒิสภาพิจารณาต่อ จึงขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือต่อคณะกรรมาธิการฯ แม้บางครั้งจะมีข้อโต้เถียงกันบ้างแต่ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี ไม่มีรายการใดที่ต้องยุติด้วยการลงคะแนนเสียง โดยใช้เหตุใช้ผลในการพูดคุยกัน
นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนอนุกรรมการ 8 คณะ ขณะนี้พิจารณากันอย่างเข้มข้น ส่วนอนุกรรมการข้อสังเกต คณะที่ 9 กำลังจะเริ่มทำงานในไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งจะรวบรวมข้อสังเกตทุกอนุกรรมาธิการ เพื่อนำส่งสภาฯอย่างเป็นทางการ ซึ่งในการพิจารณาชั้นอนุกรรมาธิการจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 29 ก.พ.แต่เป็นไปได้ที่บางอนุกรรมาธิการ จะพิจารณาแล้วเสร็จไม่เกินใน 1 สัปดาห์ จากนี้ไป
เมื่อถามถึงการปรับลดตัวเลขงบประมาณ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ในห้องใหญ่ยังไม่มีการพิจารณาปรับลด ได้มอบให้อนุกรรมาธิการ 8 คณะไปดำเนินการ และตามหลักการเป็นเพียงข้อเสนอเบื้องต้นในการปรับลด ไม่มีสิทธิ์เป็นผู้ปรับลดเอง และเมื่ออนุกรรมาธิการนำเสนอเข้าสู่คณะกรรมาธิการชุดใหญ่ ในทุกปีจะมีการเปลี่ยนแปลง ไม่เห็นด้วยกับการปรับลดของคณะอนุกรรมการ และในหลักการของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจะไม่มีการเพิ่มจำนวนเงินในรายการต่างๆ จึงไม่สามารถพูดตัวเลขการปรับลดได้ แต่คาดว่า การพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ ซึ่งปริมาณการขอปรับลดของอนุกรรมาธิการน่าจะมากกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย ซึ่งเดี๋ยวต้องมาดูกันเพราะบางรายการมีการแขวนรอให้หน่วยรับงบประมาณมาชี้แจงรายละเอียด หากชี้แจงและมั่นใจก็จะไม่มีการปรับลด
เมื่อถามว่างบจังหวัดและกลุ่มจังหวัด นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า เท่าที่ได้ฟัง กมธ.ฯแสดงความคิดเห็นในการพิจารณางบจังหวัดและกลุ่มจังหวัดจะพบว่า งบประมาณของจังหวัดน้อย ในขณะที่ภารกิจของผู้ว่าราชการจังหวัดต้องนำทัพ บริหารราชการซึ่งมีเรื่องมากมายเพราะอะไร ๆ ก็ต้องขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยดู แม้จะมีส่วนราชการจากส่วนกลาง ดูแลอยู่ภารกิจแต่โอกาสที่ภารกิจที่ผู้ว่าจะต้องเพิ่มเติมอะไรก็มีอยู่ จากข้อสังเกตพบว่างบประมาณในแต่ละจังหวัดไม่มาก ดังนั้นถ้าในระยะยาวต้องการให้อำนาจผู้ว่าฯในลักษณะที่เราพูดกันอยู่คือผู้ว่าฯ CEO พิจารณาว่าก็คงจะต้องมาพิจารณาว่าต้องเพิ่มงบประมาณให้จังหวัดมากขึ้นกว่าเดิม แต่จากการชี้แจงของผู้ว่าราชการจังหวัดจากการฟังคำชี้แจงของผู้ว่าราชการจังหวัด
“ซึ่งมีปัญหาไม่เหมือนผู้ว่าฯ ก็สามารถชี้แจงต่อกมธ.ฯได้ว่าทำไมงบฯโดดออกมา และจะเห็นว่าบางจังหวัด ผู้ว่าฯมุ่งมั่นที่จะเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว ที่อยากเสนอและของบประมาณก็มีโครงการที่อยากเสนอและของงบประมาณเอง เพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกับการบูรณาการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว บางจังหวัด อยากเห็นเกษตรกรมีรายได้ที่ดีขึ้น สิ่งที่เสนอมาก็จะไปเกี่ยวกับส่วนราชการอื่นเช่นกระทรวงเกษตรฯ เพื่อที่จะทำให้พืชสำคัญในจังหวัดมีโอกาสทำรายได้ดีขึ้น” นายกิตติรัตน์ กล่าว