วันที่ 15  ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์ฝุ่น ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธาน ว่านายกฯได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเรื่องการลงพื้นที่ให้เห็นหน้างาน ที่สำคัญคือการขอความร่วมมือชาวบ้านให้หยุดเผาวัชพืช พร้อมกันนี้ นายกฯยังได้สั่งให้บูรณาการร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกองทัพบก ให้จัดยานพาหนะช่วยชาวบ้านขนวัชพืช เพื่อหาทางทำพลังงานทดแทนแทนการเผา และช่วงเย็นวันนี้ (15 ก.พ.) ตนจะเดินทางไป จ.เชียงราย เพื่อประชุมผู้ว่าภาคเหนือ และทำความเข้าใจประชาชนเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา ซึ่งเชื่อว่าทำได้ เช่น จ.เชียงใหม่ ที่มีการบริหารจัดการที่ดี ฝุ่นน้อย จุดความร้อนลดลงไม่เกินกำหนด แต่พบว่าที่ จ.กาญจนบุรี จุดความร้อนเกินกำหนด ตนจึงจะโทรหาผู้ว่าฯให้ลงพื้นที่

    

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า สำหรับมาตรการแก้ปัญหาปัจจัยในประเทศต้องใช้กฎหมายเต็มที่ พร้อมกับขอความร่วมมือพี่น้องชาวไร่หยุดเผาซากผลผลิตทางการเกษตร ส่วนเมืองใหญ่อย่างพื้นที่ กทม. อาจต้องใช้มาตรการให้ทำงานที่บ้าน หรือ WFH และกวดขันยานพาหนะที่ปล่อยควันดำ ซึ่งจะลดปัญหาฝุ่นควันได้

     

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะบังคับใช้กฎหมายเรื่อง WFH เพราะที่ผ่านมาการขอความร่วมมือเหมือนจะไม่ได้ผล นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่อง WFH อยู่ในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อากาศสะอาด ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ในสภา  และหลายหน่วยงานให้ WFH แล้ว เว้นแต่บางหน่วยงานที่ทำไม่ได้ เราเห็นจากโควิด - 19 ที่การ WFH ไม่ได้ลดโอกาสหรือเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน วันนี้เรารู้ที่มาของปัญหา และทราบแล้วว่าการจะอยู่กับอากาศที่ดีจะต้องทำอย่างไร แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องหยุดล็อคดาวน์เหมือนช่วงโควิด  - 19 แต่ต้องอาศัยความร่วมมือ และรับผิดชอบร่วมกัน คงไม่มีประเทศไหนบังคับเรื่องคุณภาพชีวิต แต่เป็นเรื่องจิตสำนึก ทั้งนี้ ขอย้ำว่า การเผานั้น รัฐบาลใช้มาตรการอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่มาจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งรัฐบาลก็ใช้วิธีการเจรจา 

    

เมื่อถามว่า การประชุมที่เชียงใหม่ที่ผ่านมานายกฯ เคยพูดว่ามีนายทุนไทยไปทำการเกษตรในประเทศเพื่อนบ้านแล้วมีการก่อมลพิษ จะมีการตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้เราดำเนินการอยู่ ซึ่งเราอาจมีวิธีการแซงชั่นบางอย่างในเรื่องของการค้า