หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2567 ต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ...*...
เผลอแพล็บเดียว วันตรุษจีน หรือ เทศกาลตรุษจีน ซึ่ง เป็นปีใหม่จีน ที่ เปลี่ยนจากปีเถาะ มาเป็น ปีมะโรง ก็จะมาถึงอีกแล้ว ในวันส่งท้ายปีเถาะ หรือ วันไหว้ วันศุกร์ที่ 9 นี้ โดยวันรุ่งขึ้น วันเสาร์ที่ 10 นี้ เป็นวันปีใหม่จีน เริ่มต้นปีมะโรง มังกรทอง “บารอน” เป็นลูกหลานจีน สวัสดีปีใหม่จีนผู้อ่านสยามรัฐ และขออวยพรให้ทุกท่าน ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ครับ ...*...
วันนี้ สมเด็จฯฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เป็นแขกเมืองคนสำคัญของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปัญหาที่คาราคาซังกันมานาน คือ ความร่วมมือพัฒนาแหล่งพลังงานในทะเล ที่ เป็นพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา 26,000 ตารางกิโลเมตร ที่มี น้ำมันดิบ และ หลุมก๊าซธรรมชาติ ประเมินมูลค่ามากกว่าสิบล้านล้านบาท จะถูกหยิบยกขึ้นโต๊ะเจรจา ทำอย่างไร ให้การแบ่งบันผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นธรรม นำไปสู่ ความพอใจร่วมกันของสองประเทศ ...*...
ไล่เรียงคดีมาตั้งแต่ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือหุ้น ไอทีวี 42,000 หุ้น ว่า แม้จะถือหุ้นเดียวก็ไม่ได้ และ ที่อ้างว่าถือหุ้นไอทีวีในฐานะผู้จัดการมรดก ก็เท่ากับ เป็นผู้ร่วมถือหุ้นไอทีวี เพราะ เป็นทายาทร่วมรับมรดก แต่เนื่องจาก ไอทีวี หยุดกิจการไปตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2550 แล้ว จึงถือว่า ไอทีวี ไม่ใช่สื่อ จึงไม่เข้าข่ายลักษณะผู้ถือหุ้นสื่อ ลงมติ 8 ต่อ 1 ไม่ต้องพ้นสภาพการเป็น สส. ...*...
ถัดมาอีกคดี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ พรรคก้าวไกล กระทำผิดในกรณี เสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.ม.112 และ นำไปใช้เป็นนโยบายหาเสียง ถือได้ว่า เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้หยุดการกระทำ ...*...
ที่นี่ บารอน ย้อนไปดูรายละเอียดคำวินิจฉัยหลายรอบ ได้คำตอบมาเขียนให้เข้าใจง่ายๆว่า การขอแก้ไข ม.112 ไม่ผิด สามารถขอแก้ไขได้ในรัฐสภา ที่เป็นความผิด ถึงขั้น เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อยู่ที่ เนื้อหาในร่างขอแก้ไข พ.ร.บ.112 ต่างหากครับ ตั้งแต่ ให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ฟ้องร้อง ลดโทษให้เท่ากับคดีหมิ่นประมาททั่วๆไป ข้อสำคัญ ถึงขั้นให้ออกจากหมวดความมั่นคง ขอบอกว่า ความยุติธรรมยังคงดำรงอยู่ครับ ...*...
ล่าสุด คดีการจัดชุมนุมแฟลชม็อบ บริเวณสกายวอล์ค สี่แยกปทุมวัน ที่ ศาลแขวงปทุมวัน อ่านคำพิพากษา เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า จำเลยทั้ง 8 คน นำโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช และ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กระทำความผิด ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุม และ ชุมนุมในรัศมีในเขตพระราชฐาน ใกล้วังสระปทุม ในระยะ 150 เมตร กำหนดโทษ จำคุกจำเลยทั้ง 8 คน เป็นเวลา 4 เดือน และ ปรับคนละหนึ่งหมื่นบาท แต่ โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้เป็นเวลา 2 ปี ...*...
คดีนี้ บารอน สะท้อนความคิดว่า โทษจำคุก 4 เดือน ให้รอลงอาญา 2 ปี และ ปรับคนละหนึ่งหมื่นบาท นับว่า กำหนดโทษเบามาก เป็นความกรุณาของศาลโดยแท้ เพราะเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ซึ่งต่างจาก คดีปิดสนามบิน ที่ ถูกปรับคนละสองหมื่นบาท เท่านั้น เพราะ มีความผิดบุกรุกสถานที่ราชการเองครับ ...*...
ส่วนที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยืนยันว่า จะมีการยื่นอุทธรณ์คดี ในประเด็น ข้อเท็จจริงเรื่องระยะการชุมนุมใกล้เขตพระราชฐาน 150 เมตร ว่า วัดจากจุดไหน ที่นี่ บารอน เห็นด้วย อีกทั้งยังเป็นสิทธิของจำเลย ห่วงเพียงแต่ว่า ในการต่อสู้คดีชั้นศาลต้น ได้มีการต่อสู้ในประเด็นการชุมนุมระยะห่างเกิน 150 เมตรไว้หรือไม่ ลองย้อนกลับไปดูนะครับ ถ้าไม่มีล่ะก้อ อาจเป็นข้อกฎหมาย ไม่สามารถนำมาเป็นประเด็นขออุทธรณ์คดีได้ครับ ...*...
ที่มา:บารอน (7/2/67)