ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี การดูแลทหารผ่านศึก เนื่องในวันทหารผ่านศึกว่า ตนได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา เป็นคณะที่ดูแลศึกษาและปรับปรุง เรื่องสวัสดิการของกำลังพลทุกระดับ ในระดับกลางจนถึงชั้นผู้น้อย รวมถึงทหารผ่านศึกด้วย ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธาน ได้ทำงานคืบหน้ามามากแล้วและได้รับรายงานว่า มีข้อเสนอหลายอย่างที่เป็นสวัสดิการ เรื่องการปรับปรุงสถานพยาบาลและเรื่องของการมีบุคลากรทางการแพทย์อย่างเพียงพอ

ด้านการศึกษา เราได้มีการดูแลและปรับปรุงโรงเรียนในสังกัดของกองทัพ เรียกว่าปฏิรูปการศึกษาโรงเรียนในกองทัพ และอีกเรื่องหนึ่งที่อาจจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับทหารผ่านศึก คือการตั้งศูนย์บำบัดดูแลผู้สูงวัย ในกองทัพโดยเรามีโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพจำนวนมาก ก็จะให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ทำหน้าที่เพิ่ม โดยจะเปิดเพิ่มในโรงพยาบาลเป็นศูนย์บำบัดดูแลผู้สูงวัย ซึ่งนั่นก็อาจจะหมายถึงตัวทหารผ่านศึกโดยตรง และครอบครัวซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้อยู่ ตนเชื่อว่าเรื่องนี้ทำได้

นายสุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนในเรื่องของสวัสดิการ เกี่ยวกับรายได้ของทหารผ่านศึก ทางรัฐบาลโดยกระทรวงกลาโหมมีนโยบายที่จะส่งเสริมรายได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทางอ้อมคือเป็นการส่งเสริมอาชีพ และอีกส่วนหนึ่งซึ่งทหารผ่านศึกต้องการคือเบี้ยดำรงเกียรติ ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการนำเสนอสภา ซึ่งเมื่อเข้าสภาแล้วตนยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างเต็มที่

“เมื่อกฎหมายฉบับนี้ผ่านทุกคนก็จะได้ท็อปอัพ คนละ 2,000-3,000 บาท หากเป็นเงินก้อนใหญ่ ทางเราก็จะเสนอกับรัฐสภาว่า หลายคนก็อาจจะไม่เห็นด้วยแต่เรามีสูตร การจ่ายเงินอาจจะเป็นขั้นบันได เป็นต้น” นายสุทิน กล่าว

เมื่อถามว่า คาดว่าจะออกมาเป็นรูปธรรมได้เมื่อไร นายสุทินกล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับสภา ตนเชื่อว่าถ้าอยู่ครบ 4 ปี ก็จะเห็นเป็นรูปธรรมแต่จะจบอย่างไรก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาด้วย

เมื่อถามย้ำว่าจะบอกว่าทหารผ่านศึกเตรียมเฮได้หรือไม่นายสุทิน กล่าวว่า “จะบอกอย่างนั้นเสียทีเดียวก็ไม่ได้ต้องรอฟังที่สภา แต่จะพยายามผลักดันเต็มที่”