จากกรณี นางสาวกัลยพัชร รจิตโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทวิตข้อความย้ำคำอภิปรายในสภาฯ หลังการอภิปรายเรื่อง ‘30 บาท รักษาทุกที่’ ของเธอ กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะการระบุว่า เป็นนโยบายประชานิยม และรอเตรียมระบบให้พร้อมก่อนแล้วค่อยทำ
"ช้าๆ ชัดๆ นะคะ ว่า ก่อนจะเปลี่ยนความคิดจาก 30 บาทรักษาทุกโรคที่คุณหมอสงวนสร้างไว้ เพื่อเป็น safety เน็ท ช่วยคนยากคนจน ให้กลายเป็น 30 บาทพลัสฉบับเพื่อไทยปัจจุบัน ที่เป็นนโยบายประชานิยม โดยไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ ดิฉันขอให้ท่านคิดให้รอบคอบก่อนค่ะ หรืออย่างน้อยเตรียมระบบให้พร้อมก่อนก้ได้ค่ะ ท่านจะรีบทำไมคะ? ในเมื่อรีบแล้วทำให้ประสิทธิภาพลดลง นี่หรือคะ พรรคที่คิดใหญ่ทำเป็น .. (กรุณาอ่านช้าๆ และอย่าบิด" ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ได้โพสต์ข้อความผ่าน x @manopsi ได้แสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าวว่า...เห็นมีดราม่าเรื่อง 30 บาทรักษาทุกที่กันอยู่ คหสต หลักการนี้ดีมากนะครับ หลายคนอาจไม่ทราบว่า รพ สังกัด สธ ทั้งกระทรวงใช้ระบบเวชระเบียน EMR เดียวกันหมด ถ้าสามารถเชื่อมข้อมูลสุขภาพได้ดีและทั่วถึงจะเอื้อต่อการส่งต่อผู้ป่วยต่าง รพ สะดวกขึ้นมาก แน่นอนว่าพอเริ่มใช้จริงจะมีจุดบกพร่องต้องแก้ปัญหาหน้างานบ้าง เป็นเหตุที่ต้องมีเขต/จังหวัดนำร่องเพื่อทดสอบและพัฒนาก่อนขยายเต็มรูปแบบ
สิ่งที่กังวลมากกว่าของ สปสช คือการพยายามกดราคาค่าบริการบางอย่างแบบไม่มีเหตุผล อ้างแต่เรื่องเงิน แต่ไม่สนใจคุณภาพ ผลคือ รพ หรือแลป ที่ไม่ยอมลดมาตรฐานคุณภาพ จะเลือกไม่ให้บริการ คนไข้เสียโอกาส ส่วนที่ยอมลดคุณภาพเพื่อคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในวงเงิน ปัญหาก็จะไปตกกับแพทย์และคนไข้อีก
ตัวอย่างปัญหาการเบิกจ่ายของ สปสช ที่ รพ ขนาดใหญ่, รพ มหาลัย มีหนี้ค้างจ่ายจำนวนมาก รพ.ศิริราช มียอดค้างจ่ายถึง 460 ล้านบาท ถ้าไม่ดำเนินการแก้ไขและจ่ายเงินคืน หนีไม่พ้นที่ รพ. ต้องปฏิเสธการให้บริการที่ผู้ป่วยควรได้รับ โดยเฉพาะการตรวจรักษาจำนวนมากที่มีเฉพาะใน รพ มหาลัยครับ