วันที่ 26 ม.ค.2567 เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงถึงแผนการทำงานของพรรคก้าวไกล ปี 2567 หรือ MFP's Strategic Roadmap ตอนหนึ่งว่า มี Big Bangs หรือ เป้าหมายสำคัญ 6 เป้าหมาย ได้แก่ การทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยเต็มใบ ผ่านการปฏิรูปทหาร การแก้รัฐธรรมนูญ, การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ผ่านการยกระดับสวัสดิการ และขนส่งสาธารณะ, การหยุดแข่แข็งชนบทไทย ผ่านการสนับสนุนทางการเกษตร, การปฏิรูปรัฐครั้งใหญ่ ผ่านการกระจายอำนาจ ปฏิรูประบบราชการ, การเรียนรู้ทันโลก ผ่านการตัดอำนาจนิยมในสถานศึกษา เสริมสร้างทักษะผู้เรียน และการเติบโตแบบมีคุณภาพ ผ่านการสร้างงาน และสนับสนุน SMEs โดยวิธีการดำเนินการสู่เป้าหมายนั้น นายพิธา ชี้แจงว่า จะดำเนินการผ่านการเสนอแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค และเสนอร่างกฎหมายเพิ่มเติม รวมจำนวนทั้งสิ้น 47 ฉบับ สนับสนุนงบประมาณให้เพียงพอกับการดำเนินงาน และกำหนดแผนปฏิบัติการ รวมถึงพิจารณาความพร้อมของบุคลากร เพื่อให้เป้าหมายสัมฤทธิผล

นายพิธา ยังกล่าวถึงการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคว่า ขณะนี้ มีร่างกฎหมายของพรรคฯ ที่สภากำลังพิจารณา ทั้งการสมรสเท่าเทียม การแก้ปัญหาฝุ่นพิษ และกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่คณะรัฐมนตรีขอนำไปพิจารณา 60 วัน ส่วนร่างกฎหมายที่บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมแล้ว และรอการพิารณาจำนวน 17 ฉบับ อาทิ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ, กฎหมายโคนม และผลิตภัณฑ์นม, กฎหมายรับรองเพศ และคำนำหน้านามบุคคล และร่างกฎหมายการแข่งขันทางการค้า เป็นต้น และยังมีร่างข้อบังคับ 1 ฉบับที่ถูกสภาปัดตกไปแล้ว ได้แก่ ร่างข้อบังคับการประชุมสภาก้าวหน้า นอกจากนั้น ยังมีร่างกฎหมายที่รอนายกรัฐมนตรีรับรอง, ร่างกฎหมายที่กำหลังรับฟังความเห็นอยู่ โดยยืนยันว่า นโยบายการสมรสเท่าเทียม, สุราก้าวหน้า, การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร, การเปลี่ยน ส.ป.ก.เป็นโฉนด และการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ เป็นนโยบายเรือธงของพรคก้าวไกล ที่จะเสนอเป็นร่างกฎหมาย เพื่อให้เป้าหมายประสบความสำเร็จ

เมื่อถามถึงหมุดหมายสำคัญของการทำงานในปี 2567  นายพิธา กล่าวว่า จะมีการกำหนด KPI และตัวชี้วัด เพื่อประเมินประธานกรรมาธิการฯ ในสัดส่วนของพรรคฯ และ สส.ของพรรคฯ ในช่วงเดือนก.พ. จากนั้นในเดือนเม.ย. พรรคฯ จะพิจารณาในการเปิดอภิปรายรัฐบาลว่า จะเป็นในรูปแบบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรืออภิปรายทั่วไป ก่อนจะมีการประชุมใหญ่ของพรรคฯ ในเดือนเดียวกัน เพื่อพิจารณาปรับโครงสร้างองค์กร จากนั้นในช่วงกลางปี จะมีการเตรียมการเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2568 และปลายปี 2567 นี้ พรรคฯ จะพิจารณาการส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่น

เมื่อถามถึงนโยบายที่มีตรงกันกับพรรคร่วมรัฐบาล มั่นใจแค่ไหน ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะผลักดันนโยบายให้ผ่าน นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่ดูจากสถิติ มี 2 กฎหมายที่เราสามารถผ่านสภาได้ ทั้งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สมรสเท่าเทียม และพ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ไปกันคนละทาง แต่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และมีกฎหมายที่ดีที่ตอบโจทย์กับพี่น้องประชาชน ตนคิดว่าบางเรื่องก็มีทิศทางไปในทางเดียวกัน ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง อาทิ นโยบายเปลี่ยนโฉนดที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ก็เป็นนโยบายเดียวที่เหมือนกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังมีรายละเอียดที่แตกต่างกันในทางปฏิบัติ

“เมื่อฟังการแถลงข่าวแล้วก็ค่อนข้างที่จะชัดเจน ว่าในเมื่อมีทิศทางไปในทางเดียวกัน ก็ไม่เห็นข้อจำกัดคือข้ออ้างใดๆ ที่จะปัดตกตั้งแต่ชั้น กมธ.วาระแรก เพื่อให้ไปคุยกันในรายละเอียดวาระสอง และลงมติในวาระสาม ถ้าผ่านได้ก็คิดว่าเป็นผลงานของสภาร่วมกัน และพี่น้องประชาชนจะได้ประโยชน์” นายพิธา กล่าว