เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 24 ม.ค. 2567 ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะ สส. ที่เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทไอทีวี จำกัด มหาชน เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส. ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 2567 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย พร้อมด้วย นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางเข้ารับฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
โดยนายพิธา กล่าวถึงความพร้อมในวันนี้ ว่า ยังมีความมั่นใจตลอดมา ต้องใช้โอกาสนี้ขอบคุณพี่น้องประชาชน สมาชิกพรรค และคนที่ทำงานในพรรค โดยเฉพาะทีมกฎหมายที่ทำงานอย่างหนักตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาช่วงจนถึงโค้งสุดท้ายก่อนปีใหม่ พร้อมย้ำว่า มั่นใจในข้อเท็จจริง และความบริสุทธิ์ของตัวเอง
ส่วนได้คาดการณ์คำวินิจฉัยทั้งสองทาง ทั้งให้คุณ และให้โทษไว้แล้วใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ถูกต้อง ตนและพรรคก้าวไกล มีแผนดำเนินงานตลอดทั้งปีแล้ว ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นคุณหรือเป็นโทษ ก็จะทำงานเพื่อประชาชนต่อไป
เมื่อถามว่า หากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้สามารถดำรงตำแหน่ง สส.ต่อได้ จะเข้าสภาฯ เลยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นไปตามแผนดำเนินการของพรรคก้าวไกล ส่วนกรณีที่จะเข้าได้เมื่อไหร่ คงต้องหารือกับทางประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกที ว่าเอกสารระหว่างศาลรัฐธรรมมนูญ และรัฐสภา ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ให้ทางฝ่ายกฎหมายตามเรื่องอยู่
เมื่อถามว่า มั่นใจมากแค่ไหน สำหรับคำนิยาม ของคำว่า ’สื่อ’ ในความหมายของศาลรัฐธรรมนูญ นายพิธา กล่าวว่า ยังมั่นใจตามบรรทัดฐานคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเอง หรือศาลฎีกาแผนกเลือกตั้ง รวมถึงศาลปกครองสูงสุด หากดูในรายละเอียดก็จะเห็น ว่าการจะเป็นสื่อมวลชนต้องมีใบประกอบกิจการ หรือข้อแม้อะไรอย่างไรบ้าง ซึ่งเราก็นำข้อเสนอนี้สู้ในชั้น ศาลไปแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า ยังเหลืออะไรที่เป็นความกังวลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีเลย ไม่ว่าจะข้อเท็จจริงในอดีต สถานการณ์ในปัจจุบัน หรือเรื่องในอนาคต อย่างที่บอกไปแล้ว ว่าอย่างไรก็ทำงานเพื่อรับใช้พี่น้องประชาชนเหมือนเดิม จากที่ตนได้รับมอบหมายจากนายชัยธวัช ในการทำงานของพรรคก้าวไกลปีนี้ มีแผนรองรับเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้น ประชาชนไม่ต้องกังวล
เมื่อถามว่า จะทำอะไรเป็นสิ่งแรก ภายหลังจากรับฟังคำวินิจฉัย นายพิธา กล่าวว่า ได้เตรียมการแถลงแนวทางการทำงานของพรรคก้าวไกลไว้แล้ว โดยในวันพรุ่งนี้ ก็จะมีแขกจากต่างประเทศมา ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ตนจะไปลงพื้นที่ทางภาคเหนือ
เมื่อถามว่า มีอะไรอยากฝากถึงมวลชนที่รออยู่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ขอบคุณกำลังใจที่ให้กับพรรคก้าวไกลมาตลอด จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง
ส่วนคาดว่ามติของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาเป็นเอกฉันท์หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่อาจก้าวล่วงในเรื่องนี้ได้ คงต้องรอฟังอย่างเดียว
สำหรับความกังวล ว่าอาจจะซ้ำรอยกับกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายพิธา กล่าวว่า หากศาลลงรายละเอียด กรณีของนายธนาธรนั้น มีเอกสารที่สามารถพิจารณาได้ว่า ยังสามารถประกอบกิจการได้ แต่กรณีของบริษัทไอทีวี ทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ไม่มีใบอนุญาต ไม่มีคลื่นความถี่ ไม่สามารถกลับมาทำธุรกิจได้ ที่สำคัญ คือตนได้โอนหุ้นให้กับน้องชายแล้ว ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าในอนาคต จะเกิดอะไรขึ้นกับทางบริษัทไอทีวี
เมื่อถามว่า กระบวนการหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้ว จะกลับไปเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนและนายชัยธวัชไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง ตนแค่ต้องการทำงาน ในช่วงเดือน เม.ย.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศโดยรอบว่า ระหว่างที่นายพิธา เดินผ่านเวทีแสดงดนตรีสด ภายในอาคารศูนย์ราชการ ศิลปินบนเวทีซึ่งใส่หน้ากากรูปนายพิธา ได้ร้องเพลง 'ไม่เป็นรอง' ของวง 'Cocktail' เพื่อต้อนรับนายพิธา ซึ่งนายพิธา ได้ชี้นิ้วไปที่ศิลปิน พร้อมกับร้องเพลงดังกล่าวคลอตามไปด้วย
จากนั้น นายพิธา พร้อมด้วย นายชัยธวัช ได้เดินมายังจุดคัดกรองก่อนเข้าสู่ห้องพิจารณาคดี เพื่อฟังคำวินิจฉัย และได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำแนวรั้ว เพื่อรักษาความปลอดภัย เนื่องจากมีกลุ่มสื่อมวลชน และผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลเป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้ มวลชนยังได้ ตะโกนให้กำลังใจว่า ‘นายกฯ พิธา‘, ’นายกฯ ในดวงใจ‘ เป็นระยะ
ทั้งนี้ นายพิธา และ นายชัยธวัช ได้หันกลับมาโบกมือและส่งยิ้มให้มวลชนอีกครั้ง ระหว่างขึ้นบันไดเลื่อนเข้าสู่ห้องพิจารณาคดี