วันที่ 7 มกราคม 2567 เมื่อเวลา 16.29 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ อาทิ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯไปยังท่าอากาศยานร้อยเอ็ด เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ร้อยเอ็ด โดยนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกิจกรรม Kick off “30 บาท รักษาทุกพื้นที่"ณ ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวต 101
โดยเวลา 17.30 น.นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางถึงสนามบิน จังหวัดร้อยเอ็ด
โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ อสม.ในพื้นที่รอให้การต้อนรับ โดยนายกฯได้เข้าห้องรับรอง เพื่อเปลี่ยนสวมเสื้อผ้าไทยลายทางน้ำตาลแดงด้วย
จากนั้นเดินทางจากท่าอากาศยานร้อยเอ็ด ไปร่วมกิจกรรม Kick off 30 บาท รักษาทุกที่ ณ ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวด 101 โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ ใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าอัลฟาร์ด สีขาว หมายเลขทะเบียน จท 101 กรุงเทพมหานคร โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง จุดเปิดงาน ปรากฎว่าได้มีประชาชน 10,101 คน มารอต้อนรับให้กำลังใจพร้อมกับชมว่าเสื้อที่ใส่สวยมาก โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณพื้นที่ที่ได้จัดเตรียมเสื้อไว้ให้ ขณะที่ประชาชนได้พร้อมกันชูบัตรประชาชนจำลอง เพื่อแสดงสัญลักษณ์การได้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกที่ โอกาสนึ้นายกรัฐมนตรียังได้เดินทักทายและถ่ายรูปร่วมกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
อย่างไรก็ตามการลงพื้นที่ครั้งนี้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ และนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางมาร่วมกิจกรรมด้วย
จากนั้นนายกฯพร้อมคณะ ได้ร่วมรับชมการแสดง ชุด “Amazing ร้อยเอ็ด นโยบายดีๆ เพื่อคนไทย” และ
VTR “นโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่” ซึ่งเป็นการคลิกออกพร้อมกันทั้ง 4 จังหวัด จ ร้อยเอ็ด จ.เพชรบุรี จ.แพร่ นราธิวาส
ด้านนางสาวแพทองธาร ขึ้นกล่าวทักทายชาวร้อยเอ็ดด้วยสำเนียงอีสานว่า "ขอบคุณหลายๆที่มากันคักขนาด"พร้อมกล่าวที่มาที้ไปของโครงการ30บาทรักษาทุกที่ว่า วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มายืนตรงนี้ได้มาสื่อสารสิ่งที่รัฐบาลกำลังต่อยอดจากนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนคนไทยทุกๆคนมาตลอดเวลากว่า 22 ปี วันนี้จะเป็น 1 วันประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เพราะระบบสาธารณสุขไทยจะได้รับการยกระดับให้ทันสมัยขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีรวบรวมข้อมูลเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ให้ระบบสาธารณสุขดีขึ้นเรื่อยๆ และให้พี่น้องประชาชนได้รับการบริการที่ดีขึ้นมีคุณภาพมากขึ้นเข้าถึงง่ายขึ้น
โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคมีมานานกว่า 22 ปีวันนั้นเราสร้าง ความเปลี่ยนแปลงให้คนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้วันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะพัฒนานโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคให้เป็นนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ทำให้ระบบสาธารณสุขของไทย มีระบบมากขึ้น นอกจากรักษาฟรียังบริการดีทั่วถึงและทันสมัยมากขึ้น
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า วันนั้นมีนายทักษิณ ชินวัตรเป็น นายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลได้เพียง 2 เดือนก็เริ่มมีจังหวัดนำร่องในการทำโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ทยอยทำจนครบทั่วทั้งประเทศวันนี้รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน 7 มกราคม 2567 ถือเป็นวันเริ่มต้นนโยบาย โดยนำร่อง 4 จังหวัด คือ แพร่ เพชรบุรีนราธิวาส และร้อยเอ็ด ซึ่งจังหวัดอื่นรอไม่นานจะครอบคลุมทุกประเทศ
"เราจะไม่ต้องรอ เสียเวลาวุ่นวายที่โรงพยาบาลไปหาโรงพยาบาลตามทะเบียนบ้านไม่ต้องเสียเวลาทั้งวันเพื่อไปรอ ไม่ต้องรอรับยานานเกินไปตรวจเลือดซักประวัติก่อนพบหมอ สามารถทำได้เลยในสถานีอนามัย หรือคลินิกใกล้บ้านที่เป็นเครือข่ายสปสช. และในบางกรณีไม่ต้องมาโรงพยาบาลสามารถใช้ telemedicine พูดคุยกับคุณหมอผ่านทางออนไลน์และเมื่อเรารับยาไปสามารถปรึกษากับเภสัชผ่านออนไลน์เห็นหน้าพูดคุยได้ด้วย สามารถทำนัดออนไลน์ ผ่าน แอปพลิเคชั่น หมอพร้อม"
นางสาวแพทองธาร กล่าวอีกว่า เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่านโยบายนี้จะสามารถ เปลี่ยนชีวิตของพี่น้องได้ไปตลอดกาลเหมือนที่ 30 บาทรักษาทุกโรคเลยทำมาแล้ว 22 ปีที่แล้วเราเริ่มที่ 8 เมษายนวันนี้เราเริ่มที่ 7 มกราคม เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปจะทำให้นโยบายของเราสามารถพัฒนาอย่างแข็งแรงขึ้นและแน่นอนว่ารัฐบาลจะสานต่อโครงการที่ดีมากๆอยู่แล้วให้ดีขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นตอบโจทย์พี่น้องประชาชน ตามยุคตามสมัยเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ขอขอบคุณ ผู้ที่ผลักดันและสร้าง 30 บาทรักษาทุกโรคทั้ง นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ ผู้ล่วงลับไปแล้ว นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี และการผลักดันของนายกฯทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้ประเทศไทยมี โครงสร้างหลักประกันสุขภาพที่ดี ถ้าไม่มีโครงการ 30 บาทในวันนั้นวันนี้เราคงทำงานได้ยากกว่า
แม้ในตอนนั้นจะมีหลายครหาที่ไม่เข้าใจ มีวาทกรรมในแง่ร้ายมากมาย วันนี้ทุกท่านให้เห็นแล้วว่า 30 บาทรักษาทุกโรคได้เปลี่ยนชีวิตของพี่น้องประชาชนได้ดีขึ้นจริงๆนั่นแปลว่านโยบายที่ดีสามารถเปลี่ยนชีวิตของเราได้ วันนี้รัฐบาลกลับมารับไม้ต่อทำให้ 30 บาทรักษาทุกโรคเป็น 30 บาทรักษาทุกที่เราจะไม่หยุดพัฒนานโยบายที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
ด้านนายเศรษฐา ได้กล่าวกล่าวทักทายด้วยสำเนียงอีสานว่า " สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องผมเศรษฐาเด้อ สบายดีบ่ พร้อมกล่าวต่อว่า ผมรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเปิดงานนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวในวันนี้ก่อนสิ่งอื่นใดต้องขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทั้งหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนสาขาวิชาชีพต่างๆรวมทั้งประชาชนพี่น้องอสม.ในจังหวัดร้อยเอ็ดและทุกจังหวัดนำร่องที่ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
นับเป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันผลักดันนโยบายนี้ให้สำเร็จเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนการยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ประชาชนสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวเข้ารับ การรักษาในสถานพยาบาลทุกเครือข่ายทั้งรัฐและเอกชนเป็นหนึ่งนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาซึ่งให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนทุกกลุ่มในทุกพื้นที่
นับเป็นนโยบายเน้นหลักของกระทรวงสาธารณสุขนโยบายนี้ผลักดันให้เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพจากหน่วยบริการทุกระดับทุกสังกัดเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียวอีกทั้งยังอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลของบุคลากรทางแพทย์บริการให้เป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะนำเทคโนโลยีดิจิทัลในการจัดบริการสุขภาพแก่ประชาชน ทางไกล
ถ้าเราเห็นความสำคัญของพี่น้องประชาชนจึงนำดิจิตอลมายกระดับบริการสุขภาพดิจิทัลโดยคำนึงถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์และการคุ้มครองส่วนบุคคลเป็นสำคัญเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนและช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาลลดระยะเวลาการรอคอยและลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของประชาชนมีสุขภาพแข็งแรงมีพลังในการดำเนินชีวิตและมีคุณภาพชีวิตที่ดีเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศต่อไป
ขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกครั้งช่วยกันขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวให้สำเร็จด้วยดีและขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวร้อยเอ็ดพี่น้องอสม.และจังหวัดนำร่องที่รับชมผ่านระบบออนไลน์สละเวลามาร่วมงานในวันนี้ขณะนี้ได้เวลาอันสมควรแล้วขอเปิดนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวณบัดนี้"
จากนั้น นายกฯ ได้ถ่ายรูปหมู่กับรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งถือเป็นการเปิดโครงการอย่างเป็นทางการ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯทันที