วันที่ 3 ม.ค.2567 เวลา 13.55 น.ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก ว่ารัฐบาลปัจจุบันมีเวลารื้องบฯ67 ถึง 2 รอบ แต่คงเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงไม่ง่ายเพราะมีแผนซ้อนแผน ทั้งแผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ทำให้รัฐบาลไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายของตนเองได้ง่าย และยังมีมรดกของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาที่ไม่ยอมปฏิรูปงบประมาณ ทำให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณของตนเองได้ไม่ถึง 1 ใน 4  เพราะติดประเด็นรายจ่ายบุคลากร, ชำระหนี้ 4หมื่นล้านบาท, เงินชดใช้เงินคงคลัง 1.1แสนล้านบาท, งบผูกพัน 3.6แสนล้านบาท ที่รัฐบาลก่อนหน้านั้นเป็นผู้ดาวน์ และรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ต้องผ่อนต่อ

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณมีข้อผิดพลาด คือ เพื่อเงินชดใช้เงินคงคลัง  1.2 แสนล้านบาท เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาถูกนำมาใช้เพื่อจ่ายในส่วนของรายจ่ายบุคลากร  เช่นเงินเดือน บุคลากร บำเหน็จ บำนาญ ค่ารักษาพยาบาล ทั้งนี้ในปี67  พบว่ารัฐบาลปัจจุบันกำลังจะทำผิดพลาดซ้ำรอย เช่น เงินบุคลากร ที่ควรตั้งไว้ 3.6 แสนล้านบาท กลับตั้งไว้ 3.3แสนล้านบาท เงินบำนาญ 6,000 ล้านบาท ที่ไม่ตั้งไว้ สงสัยในความผิดพลาดดังกล่าวเป็นเพราะความตั้งใจหรือไม่ เคยถามกรมบัญชีกลางขอไปเพียงพอจะจ่าย แต่การจัดสรรไม่เพียงพอ ถือเป็นความตั้งใจที่ตั้งขาดเพื่อหาเงินชดเชยภายหลัง ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ซ้ำๆ โดยไม่ตั้งงบประมาณที่เพียงพอ ซอฟต์พาวเวอร์ 5,000 ล้านบาท ไม่พบการตั้งไว้ คงต้องควักจากงบกลาง รวมถึงค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายที่ไม่ตั้งชดเชยไว้ สงสัยต้องดึงจากงบกลาง เพราะงบกลางตั้งไว้ 9.8หมื่นล้านบาทท หากพิจารณาแล้วเชื่อว่าจะไม่เพียงพอ ซึ่งการตั้งงบขาด ไม่มั่นใจว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิดหรือไม่

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า สำหรับการประมาณการรายได้เชื่อว่าจะคาดการผิดพลาด และจัดเก็บไม่ตรงตามเป้าหมาย เพราะนายเศรษฐา เคยระบุว่าจะไม่เก็บภาษีขายหุ้น คำถามคือ รายได้จากส่วนดังกล่าวที่กำหนดไว้ 1.4 หมื่นล้านบาทจะหาจากที่ไหน ตนไม่มีปัญหาสิ่งที่รัฐบาลทำ เชื่อว่าจะกระทบต่อรายได้รัฐ ที่อาจจะหายไป 1 แสนล้านบาท หากรัฐบาลฝากความหวังไว้ที่โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ถือว่าเป็นความผิดพลาดที่ไม่ควรผิดพลาด ดังนั้นตนขอให้พูดความจริงกับสภาฯ และประชาชน ส่วนหนี้สาธารณะมีประเด็นต้องกังวล คือ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่อปี เพราะเป็นช่วงนี้ดอกเบี้ยขาขึ้นที่มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าประมาณการจากกรอบการคลัง ซึ่งภาระดอกเบี้ยต้องเบียดบังงบประมาณแต่ละปี และหนี้ที่จะเกิดขึ้นไม่รวมกับหนี้ดิจิทัลวอลเล็ต และหนี้ที่ยืมจากรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานรัฐ 1 ล้านล้านบาท โดยเวลาที่รัฐบาลบริหารงานมา 3 เดือนใช้เต็มเพดานแล้ว

“ดิฉันประเมินว่ารัฐบาลไม่เป็นมืออาชีพจากที่เคยมีชื่อเสียงว่าเป็นรัฐบาลที่หาเงินเป็น และมุ่งใช้กลไกนอกงบประมาณโดยไม่สนใจกับภาระทางการคลัง ซึ่งประชาชนต้องคิดใหม่กับฝีมือการบริหารราชการของพรรคเพื่อไทย”น.ส.ศิริกัญญา กล่าว