เมื่อเวลา 12.55 น. วันที่ 28 ธ.ค. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินสถานการณ์การเมืองปี 2567  ทั้งเรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  และเงินดิจิทัล1 หมื่นบาทว่า ไม่ได้ประเมินหรือกลัวว่าข้างหน้าจะมีปัญหาอะไรทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา

สำหรับการประชุมสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 เป็นเรื่องปกติที่ทำต่อเนื่อง ยิ่งเรื่องงบประมาณไม่มีปัญหาอะไร โดยต้องดูวิธีคิดของพรรคร่วมรัฐบาลว่า จัดงบแบบไหน ซึ่งนายกฯ คงจะชี้แจงให้ทราบถึงวิธีการจัดงบในรัฐบาลนี้ จัดแบบไหน ได้ประโยชน์อย่างไร อยากให้ผู้ร่วมอภิปรายฟังนายกฯ อย่างตั้งใจ และดูว่าถ้าทำไปตามกรอบที่นายกฯ พูดไม่น่าจะมีปัญหา แต่ถ้าไปแบบอื่นก็ต้องมาดูว่าจะใช้เวทีอภิปรายงบประมาณไปในประโยชน์ทางการเมืองแต่ให้ดูเรื่องการรักษาประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 และมาตรา 152 ถือว่าเป็นสิทธิ แต่อาจจะลำบาก เนื่องจากรัฐบาลเพิ่งเริ่มต้น ยังไม่ได้ทำงานและงบประมาณในการดำเนินงานก็ยังไม่มี ที่ผ่านมาเป็นการเตรียมพื้นฐานเพื่อรองรับ ซึ่งทั้งหมดสามารถชี้แจงได้ และประชาชนเห็นอยู่แล้วว่า รัฐบาลทำงานอยู่ทั้งที่ไม่มีเงินรองรับ ก็ยังมีผลงานออกไปได้มากในช่วงการเมืองแบบนี้ ไม่น่ามีปัญหาอะไรให้น่ากังวลและปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ต้องทำงานเหนื่อยมาก

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนเรื่องนายทักษิณเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่ออกไว้ตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ที่ออกไว้ตั้งแต่ปี 2560 และกฎหมายที่ออกมาไม่ได้คิดว่าจะช่วยใคร แต่เป็นการออกกฎหมายให้เป็นไปตามหลักสากล เพื่อแก้ปัญหาผู้ต้องขังล้นคุก และให้สอดรับกับหลักสิทธมนุษยชนให้ผู้ต้องขังได้ปรับตัวก่อนที่จะออกจากเรือนจำ เรื่องนี้มีคนจุดประเด็นให้เป็นดราม่าขึ้นมาในสังคมเท่านั้น ถ้าคำนึงถึงความยุติธรรมและความเป็นมาที่เป็นจริงก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่ากรณีสลับกระทรวงยุติธรรม ยกเว้นกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ จนถูกเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับกรณีนายทักษิณว่า ไม่เกี่ยว สื่อตั้งฉายาให้ตนว่าลองกอง งานก็กองอยู่ที่ตนเต็มไปหมดจึงพยายามผลักออก โดยปรับกระทรวงและคณะกรรมการที่ตนรับผิดชอบดูแล 12 คณะ ให้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของนายสมสักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ ส่วนกระทรวงพาณิชย์ตนรับผิดชบเอง เพราะมีความเชื่อมโยงกัน เช่นเดียวกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ส่วนกระทรวงสาธาณสุขที่อยู่นอกวงจรจึงให้นายสมศักดิ์รับผิดชอบ ส่วน 12 คณะก็เกลี่ยไปให้คนอื่นรับผิดชอบ

"ทุกคนมีความสามารถหมด นายสมศักดิ์เคยดูแลกระทรวงยุติธรรมตั้งแต่เริ่ม และดูเหมือนทีแรกก็จะให้ผมไปดูกระทรวงยุติธรรม ซึ่งผมก็ไม่มีปัญหาอะไร" นายภูมิธรรม กล่าว