นายกฯย้ำไม่มีความสุขปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำน้อย บอกยังไม่จบ โยนคำถามถึงไตรภาคีขึ้นแค่ 10% แฮปปี้ไหม ให้นึกถึงใจเขาใจเรา ไม่ใช่เอาเรื่องกฎหมายมาคุยอย่างเดียว

     ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ว่า ยังไม่จบ ซึ่งเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ได้แจ้งไปแล้วในเบื้องต้น ซึ่งจะต้องดูแลแต่ละอาชีพแตกต่างกันออกไป

     นายเศรษฐา กล่าวว่า แน่นอนตนไม่มีความสุข ขณะที่รมว.แรงงานก็ไม่ได้มีความสุขและอึดอัดเช่นกัน แต่ยอมรับว่ามันก็มีกลไกในการกำหนดค่าแรงอยู่ อย่างที่ตนบอกว่ามันเป็นเรื่องจิตใต้สำนึกความเหมาะสม ของแต่ละประเทศ อย่างเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ได้เจอกับนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ซึ่งบอกกับตนว่าถ้าเกิดไม่สามารถโยกค่าแรงขั้นต่ำ ความเจริญเติบโตของประเทศก็จะต่ำไปด้วย ซึ่งเมื่อคืนได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว
 

   ทั้งนี้ นายเศรษฐา ยังกล่าวว่าค่าแรงขั้นต่ำเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา 300 บาท วันนี้ 337 บาท ขึ้นไป 12% ซึ่งได้เปรียบเทียบว่าในทางกลับกัน หากลูกของผู้ประกอบกิจการทั้งหลาย หรือคนที่เรียนจบเมืองนอกเมื่อ 9 ปีที่แล้วเงินเดือน 30,000 บาท มาถึงวันนี้เงินเดือนขึ้นเพียง 33,700 บาท จึงถามกลับว่าขึ้นมาแค่กว่า 10% แฮปปี้ไหม อยากให้นึกถึงใจเขาใจเรา เรื่องของไตรภาคีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องของกฎหมายและข้อบังคับก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หลายหลายเรื่องคนไทยอยู่ด้วยกัน ด้วยความอยากให้ทุกคนมีความสุข และมีกินมีใช้ตามความเหมาะสม
 

   อย่างในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นไปเพียงแค่ 2 บาทต่อเดือนเอง ซึ่งทุกคนจะพูดยังไงว่าตนหรือนายกไม่มีอำนาจ แต่การขึ้นค่าแรงมันเป็นเรื่องของไตรภาคีหรืออะไรก็แล้วแต่ ส่วนตัวเข้าใจหมดทุกอย่าง แล้วก็รู้ว่าทุกคนเข้าใจเรื่องกฎหมาย แต่เรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมันไม่ใช่แค่เรื่องกฎหมาย จึงอยากให้เอาความเข้าใจซึ่งกันและกันมาพูดคุยกันได้ไหม ในภาวะที่เดือดร้อน
   

 ผู้สื่อข่าวถามว่า เงื่อนไขในเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ นายกฯ ไม่มีอำนาจกับไตรภาคี ซึ่งจะมีการหารือกันแบบผู้ใหญ่คุยกับผู้ใหญ่หรือไม่ นายกฯ ระบุว่าก็จะต้องพยายามต่อไป ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งก็ต้องพูดจาให้มันมีความชัดเจนและต้องขอร้องอ้อนวอน วิงวอน ถึงเหตุผล แล้วอย่าเอาเรื่องที่ไม่เป็นความจริงมาพูด เช่นประเด็นการย้ายฐานการผลิตมาพูด เพราะมันไม่ใช่
   

 เมื่อถามว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในแต่ละปีสามารถขึ้นได้หลายหลายรอบใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สามารถปรับได้หลายรอบตามความเหมาะสม จากที่ผ่านมาเราเคยพูดหลายจังหวัดรายอำเภอซึ่งบางอำเภอนั้น ก็อาจจะมีความต้องการแรงงานที่แตกต่างกันออกไป เราเองก็ต้องฟังจากฝั่งนายจ้างเช่นเดียวกัน ไม่ใช่จะไม่ฟัง และต้องฟังตามอาชีพตามความต้องการตามความชำนาญด้วย ซึ่งมีหลายมิติที่จะต้องพูดคุยกัน ส่วนตัวไม่ได้อยากใช้พื้นที่ของสื่อมวลชนมากดดันทุกๆฝ่าย ตนคิดว่าเราควรที่จะพูดจากันด้วยจิตใจอุปมาปราศรัย เราก็เห็นใจซึ่งกันและกัน
   

 เมื่อถามว่า มีความคาดหวังกับเศรษฐกิจในปีหน้าอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า หวังว่าจะดีขึ้น ตนมาทำงาน ตนมาอยู่ตรงนี้ เพื่อต้องการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ให้ดีขึ้น ก็ต้องทำให้ดีขึ้นในหลายหลายมิติ ตนไม่ได้มาทำแค่เรื่องค่าแรงขั้นต่ำอย่างเดียว ยังต้องดูเรื่องการลงทุน การเจรจา สนธิสัญญาการค้า และต้องดูเรื่องสิทธิพื้นฐาน เพศสภาพ การประกอบอาชีพ หรือแม้กระทั่งสิทธิเสรีภาพเล็กๆ เช่นเรื่องของสภาพอากาศที่สะอาด ซึ่งทุกคนล้วนต้องการ