จากกรณี เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2566 มีผู้เสียหายคู่สามี-ภรรยา มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน โดยแจ้งว่าตนเป็นผู้ประกอบอาชีพเก็บเงินกู้นอกระบบให้กับ น.ส.เสาวลักษณ์หรือเจ๊ปุ้มฯ หัวหน้าแก๊งเงินกู้ ซึ่งปล่อยเงินกู้นอกระบบให้กับประชาชนโดยทั่วไปในแถบพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และเมืองพัทยา โดยคู่สามี-ภรรยาดังกล่าวได้ถูก น.ส.เสาวลักษณหรือเจ๊ปุ้มฯ ทำร้ายร่างกายโดยใช้ด้ามปืนตบที่หัวและให้ลูกน้องรุมทำร้ายด้วยไม้เบสบอลและขวดตีตามตัว ทำให้ได้รับบาดเจ็บนิ้วหัก ,หัวแตกเย็บ 6 เข็ม และมีบาดแผลบนใบหน้าบริเวณดวงตา พร้อมกับโดนข่มขู่ถึงชีวิต ซึ่งต่อมาได้มีการออกหมายจับและติดตามจับกุมตัว น.ส.เสาวลักษณ์ หรือเจ๊ปุ้มฯ พร้อมลูกน้องที่ก่อเหตุ มาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในเรื่องดังกล่าวแล้ว บก.สส.ภ.2 ได้มีการสืบสวนขยายผลเกี่ยวกับเครือข่ายแก๊งเงินกู้นอกระบบของ น.ส.เสาวลักษณ์หรือเจ๊ปุ้มฯ ทั้งหมด พบพฤติการณ์ว่า เครือข่ายดังกล่าวได้ประกอบธุรกิจเงินกู้นอกระบบ มานาน 3 – 4 ปี มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นระบบ หัวหน้าเครือข่าย , หัวหน้าโต๊ะย่อย , ฝ่ายหาลูกค้า และเด็กเก็บเงิน มีการแบ่งกระจายเป็นกลุ่มย่อยๆ มีหัวหน้าโต๊ะเงินและลูกน้องแต่ละชุด ปล่อยเงินกู้ให้กับประชาชนโดยทั่วไป โดยการประกาศโฆษณาผ่านใบปลิวและช่องทางโซเซียลมีเดียต่างๆ มีทั้งรูปแบบการปล่อยเงินกู้แบบรายวัน ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 2 ต่อวัน และแบบรายเดือน ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 60 ต่อเดือน หรือร้อยละ 720 ต่อปี มีเงินหมุนเวียนในเครือข่ายหลายล้านบาทต่อเดือน ทั้งนี้จากสืบสวนยังทราบอีกว่า เครือข่ายแก๊งเงินกู้ดังกล่าว มีพฤติกรรมในการทวงหนี้ที่ทำให้ลูกหนี้เกิดความกลัว ด้วยวิธีการข่มขู่และคุกคามในรูปแบบต่างๆ และเคยก่อเหตุทำร้ายลูกหนี้ที่จ่ายยอดหนี้ไม่ตรงตามกำหนดอีกด้วย
ต่อมา วันที่ 26 ธ.ค. 256 พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.นำกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ได้เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายแก๊งเงินกู้นอกระบบของ น.ส.เสาวลักษณหรือเจ๊ปุ้มฯ โดยได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดชลบุรี จำนวน 6 เป้าหมาย ที่มีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงเป็นหัวโต๊ะเงินกู้และลูกน้องในเครือข่าย และเข้าปฏิบัติการพร้อมกัน โดยได้มีการจับกุมตัว นายสพลหรือพลฯ (ขอสงวนนามสกุล) หนึ่งในหัวหน้าโต๊ะ , น.ส.สายธารฯ (ขอสงวนนามสกุล) , นายสุขสันต์ฯ (ขอสงวนนามสกุล) , นายเบญจพลฯ (ขอสงวนนามสกุล) , นายสรายุทธฯ (ขอสงวนนามสกุล) หนึ่งในหัวหน้าโต๊ะ , นายสิทธิชัยฯ (ขอสงวนนามสกุล) , นายนาวินฯ (ขอสงวนนามสกุล) หนึ่งในหัวหน้าโต๊ะ และนายจักรพงษ์ฯ (ขอสงวนนามสกุล) รวมผู้ต้องหาทั้งหมด 8 ราย โดยได้แจ้งข้อกล่าวหาในฐานความผิด “ร่วมกันประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด” ซึ่งฐานความผิดดังกล่าวมีอัตราโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินของกลาง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 11 เครื่อง , พระเครื่อง จำนวน 25 องค์ , คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 1 เครื่อง , สมุดบัญชีลูกหนี้ จำนวน 4 เล่ม , รถยนต์กระบะ จำนวน 1 คัน , ทองคำแท่งและทองรูปพรรณ รวมน้ำหนักประมาณ 175 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 7,000,000 บาท ซึ่งทรัพย์สินที่ตรวจยึดทั้งหมดเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินนอกระบบ พร้อมกันนี้ขณะที่ทำการตรวจค้นจับกุม ได้พบ อาวุธปืน จำนวน 1 กระบอก , กระสุนปืน จำนวน 15 นัด และแม็กกาซีนปืน จำนวน 1 อัน อยู่ภายในรถยนต์ของ นายสพลหรือพลฯ จึงได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมในฐานความผิด “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน” ไว้อีกคดีหนึ่งด้วย และได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีราชา จว.ชลบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป