เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบเมืองกาญจน์ โหดบุกทวงหนี้สาว เจอพ่อป่วยรับเคราะห์แทน นอนป่วยอยู่บ้าน มีปากเสียงกัน บานปลายลงมือทำร้ายบาดเจ็บถึงขั้นกระดูกร้าว เหตุเพราะลูกสาวเป็นหนี้ไม่โอนเงินและไม่รับสาย

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 เวลา 16.30 น.เกิดเหตุเจ้าหนี้โหดบุกโวยวายบ้านลูกหนี้ เลขที่ 68/9 หมู่ 5 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี มีผู้ชาย 2 คนขับรถกระบะเข้ามายังบ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นของนางสุพัตรา(ขอสงวนนามสกุล)หรือ กิ๊ก อายุ 33 ปี แม่ค้าขายของตลาดแห่งหนึ่งในตัวเมืองกาญจน์ 

     เป็นคนที่กู้เงินมา โดยที่ไม่โอนเงินตามยอด เจ้าหนี้จึงโทรศัพท์ตามลูกหนี้แล้วแต่นางสุพัตรา ไม่ได้รับสาย จึงทำให้เจ้าหนี้ต้องมาทวงเงินที่บ้านตามที่ได้ตกลงกันไว้ 

     เจ้าหนี้จึงบุกเข้ามาในบ้าน และเรียกคนในบ้าน ออกมาสอบถามหานางสุพัตรา ซึ่งเป็นลูกหนี้ แต่ทราบว่า ไม่อยู่บ้าน ขณะที่เจ้าหนี้บุกเข้ามาภายในบ้านเพื่อทวงหนี้ 
     แต่ในบ้านมีเพียงนายนิมิตร(ขอสงวนนามสกุล)หรือ มิตร อายุ 56 ปี เป็นพ่อของนางสุพัตรา ซึ่งเป็นผู้ป่วยที่ต้องฟอกไต 3 วันต่อ 1 อาทิตย์ บอกไม่รู้เรื่องเรื่องเงินกู้ของนางสุพัตรา

     เมื่อผู้ชายทั้ง 2 คนทวงถามเงิน นายนิมิตรบอกไม่รู้เรื่องด้วย จึงเกิดมีปากเสียงกัน ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกัน จนบานปลายทำให้ผู้ชายทั้ง 2 คน ไม่พอใจตรงเข้าลงมือทำร้ายนายนิมิตรที่ร่างกายไม่แข็งแรง ป่วยเป็นโรคไต จนได้รับบาดเจ็บขวาคิ้วแตกเย็บหลายเข็ม โหนกแก้มบวมและกระดูกหน้าร้าว 

     หลังลงมือทำร้ายพ่อของลูกหนี้  ผู้ชายทั้งสองคน ได้พูดจาข่มขู่และยังพูดจาท้าทายว่าให้ไปแจ้งความได้เลย

     หลังจากนั้น เจ้าหนี้ทั้ง 2 คนก็ขับรถออกไป ผ่านไปไม่นานก็ถอยรถกลับมาอีกครั้ง และ 1 ใน 2 เจ้าหนี้ ก็ลงมาจากรถมาเพียงคนเดียว และเป็นคนละคนกับที่เข้าทำร้าย ได้เข้ามาพูดคุยกับคนที่บ้านว่า โทรไปหานางสุพัตรา ลูกหนี้แล้ว แต่ไม่ยอมรับสาย และยังบอกอีกว่าไม่อยากเข้ามาทวงที่บ้านเลย ถ้าโทรไปแล้วรับสายแต่แรก ก็ไม่มีปัญหาอะไร 

     ต่อมาญาติๆ ได้พานายนิมิตร ผู้ที่ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ เดินทางไปที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ยอดชาย เสมแก้ว รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมือง​กาญจนบุรี 

     หลังสอบปากคำเบื้องต้นและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว จึงส่งตัวนายนิมิตร ผู้บาดเจ็บไปตรวจอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เพื่อใช้ในการประกอบสำนวนคดี 

     จากกรณีดังกล่าว นางสุพัตราลิม หรือ กิ๊ก อายุ 33 ปี แม่ค้าขายของตลาดแห่งหนึ่งในตัวเมืองกาญจน์ ซึ่งเป็นคนที่กู้เงินเจ้าหนี้รายนี้ไปได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า " เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเกินกว่าเหตุ จริงๆ แถมยังมาทำร้ายพ่อที่ป่วยเป็นโรคไตนอนอยู่บ้านและไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยจนได้รับบาดเจ็บ พ่อป่วยเป็นโรคไต​เรื้อรัง ต้องไปหาหมอ ต้องฟอกไตทุกๆ 3 วัน ต่อ 1 อาทิตย์ พ่อไม่มีทางสู้ 

     เรื่องหนี้ ตนเป็นคนกู้เงิน ก็ตกลงกับเจ้าหนี้ไว้แล้วว่า ตนทำอาชีพแม่ค้าขายของที่ตลาด บางวันก็ขายได้ ขายดี บางวันก็ขายไม่ดี จึงไม่มีเงินที่จะโอนไป จึงไม่มีเงิน ที่ตนไม่ได้รับโทรศัพท์เจ้าหนี้เพราะตนต้องขายของที่ตลาดจึงไม่ได้เวลารับสาย จึงทำให้เจ้าหนี้ไม่ะอใจมาที่บ้าน และทำร้ายร่างกายพ่อที่บ้าน 

     ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ตนกับเจ้าหนี้เคยมีปากเสียงกันมาแล้ว แต่ไม่ได้จบลงด้วยการถูกทำร้ายร่างกาย แต่จบลงที่ลดยอดที่ต้องโอนต่อวันลง และขยายวันเวลาชำระหนี้ออกไปอีก

     นางสุพัตรา ลูกหนี้ กล่าวต่ออีกว่า ตนได้เริ่มติดต่อกับเจ้าหนี้เจ้านี้ผ่านทางเพจเมื่อวันที่  2 กรกฎาคมเพื่อกู้เงิน หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 2 วัน เจ้าหนี้เข้ามาที่บ้านเพื่อเอาเอกสารและตกลงทำยอดกู้ยืม ซึ่งตกลงอยู่ที่ 6000 บาท ชำระหนี้ทั้งหมด 23 วัน วันละ 300 บาท ซึ่งก็ต้องโอนเงินตามยอดทุกวัน จนถึงวันที่ 8 สิงหาคม ยังไม่ได้โอนตามยอด เพราะตนขายของที่ตลาดไม่ดี จึง ทำให้ไม่มีเงินจะโอน เจ้าหนี้เลยเข้ามาตามที่บ้าน มาหาพ่อมาทำร้ายร่างกาย และยังมีปากเสียงกัน มากัน 2 คนเป็นคนเดียวกันกับที่มาคุยตกลงการกู้ยืม ซึ่งเจ้าหนี้ได้มีการพูดท้าทายด้วยว่าให้ตนกับพ่อไปแจ้งความได้เลย ไม่กลัวหรอกจะแจ้งความกลับด้วยว่ากู้เงินไปแล้วไม่ใช้คืน ซึ่ง ทางเรายอมรับว่ากู้เงินเขามาจริง แต่การบุกรุกเข้ามาทำร้ายร่างกายคนในบ้าน มันเป็นคนละเรื่องกัน ส่วนกับที่เราต้องใช้หนี้ อันนี้มันเกินกว่าเหตุ ไม่สมควรและยังเข้ามาถึงในบ้านไม่ใช่นอกบ้าน บุกเข้ามาทำร้ายเจ้าของบ้าน ยันในตัวบ้านซึ่งไม่รู้เรื่องด้วย 

     นางสุพัตรา ลูกหนี้ เล่าต่ออีกว่า ตนทำอาชีพขายขนมหวาน ขายตอนเช้าและไปขายตลาดนัดเป็นบางวัน คือวันอังคารวันศูกร์ วันเสาร์ และวันอาทิตย์ ซึ่งก่อนที่จะกู้เราแจ้งเจ้าหนี้แล้วว่า เราใช้เงินสดตลอดเวลาไม่ได้มีเงินอยู่ในบัญชี บางวันเราอาจโอนช้า ถ้าวันไหนไปขายตลาดนัด อาจโอนช้าบ้าง อาจเรทบ้าง เพราะปกติเขาจะให้โอนก่อน 10 โมงเช้า แต่บางทีเราไม่สะดวก ที่จะมีเงินในบัญชีตลอดเวลา บางวันก็โอนไว บางวันก็โอนช้า แต่เจ้าหนี้ ก็โทรมาถามว่าโอนรึยัง แต่เราก็บอกบางวัน เรายังไม่ได้โอน เราไปขายของอยู่ ถ้าสะดวกเข้ามาเก็บที่บ้าน ก็เข้ามา ถ้าไม่สะดวกก็รอสักพักเดี๋ยวโอนให้ หลังจากขายของเสร็จ

     ด้านนายนิมิตร(ขอสงวนนามสกุล)หรือ มิตร อายุ 56 ปี ผู้เป็นพ่อที่ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ได้เล่าว่า " ตอนนั้นผมนอนอยู่ อยู่ๆ ก็ผู้ชาย 2 คน ตอนหลังมารู้ว่าเป็นคนปล่อยเงินกู้ และเป็นเจ้าหนี้ของลูกสาว มาถามหาลูกสาว ผมบอกไม่อยู่เขาก็บอกเอาเงินมา ผมก็บอกว่า ไม่รู้เงินอะไร เขาก็สั่งให้เอาเงินมามาๆ ยังไงก็ต้องเอาเงินมา เขาพูดไม่ดี ผมก็ไม่สนใจ ผมก็เลยต่อยเขาไป 1 ที 

     พอดีมันมีกรรไกรตัดเล็บอยู่ เขาก็หาว่าผมพกมีด กล่าวหาว่าพยายามฆ่า เขาก็ต่อยกลับมา 2 ทีถูกที่คิ้ว กับแก้ม ทำให้โครงกระดูกหน้าร้าว แล้วเขาก็ยังพูดจาท้าทายข่มขู่อีกว่าให้ไปแจ้ง ตำรวจเลย เดี๋ยวเจอกันอีก ถ้าไม่ยอมจ่ายหนี้เดี๋ยวจะมาทุกวัน ผมก็บอกข้อหาบุกรุก เขาก็เถียงว่าไม่กลัว พอเขาขับรถออกไปผมก็ตามออกมาเพื่อดูทะเบียนท้ายรถ ก็ไม่มี มันมา 2 คน อีกคนพูดดีมาไกล่เกลี่ย แต่อีกคนมันไม่ยอมจะเอาเรื่อง อยากจะบอกเขาว่ามันไม่ใช่หน้าที่ผม ที่ต้องมาโดนทำร้ายแบบนี้ มันเกินกว่าเหตุขึ้นไปบนบ้านเลย อยากให้ผู้การปู ช่วยเรื่องนี้ให้หน่อย อยากให้เร็วที่สุด มันเป็นคดีบุกรุก ทำร้ายร่างกาย และคุกคามสวัสดิ์ภาพมาก จะขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด" นายนิมิตร กล่าว