วันที่ 22 ธ.ค. 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ผ่านทางนายสุขสันต์ ประสาระเอ ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวนนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์กับพวกและฝ่ายการเมืองที่เกี่ยวข้อง มีพฤการณ์หรือกระทำผิดประมวลจริธรรมของช้าราชการ หรือนักการเมืองและกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร ว่า 1.ไม่ต้องจำคุกจริง และไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจตลอดเวลาหรือไม่ ป่วยจริงหรือไม่ 2.มีการดำเนินการตามขั้นตอนรับเข้าเรือนจำ ออกประวัตินักโทษครบถ้วนหรือไม่ 3. มีข้าราชการ นักการเมือง สั่งการช่วยเหลือหรือไม่ และ 4.มีการเร่งรัดออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ ลงวันที่ 6 ธ.ค. เอื้อประโยชน์นายทักษิณจริงหรือไม่
นายวัชระ กล่าวว่า ตามที่นายทักษิณ มีหมายเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ปรากฏว่านายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีได้เข้าไปในเรือนจำ ต่อมานายทักษิณก็ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งตนเชื่อว่าลำพังผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นั้นคงไม่กล้าอนุมัติให้นายทักษิณ ไปรักษาที่รพ. แต่มีนักการเมืองเหาะเหินเดินกรุงลงกาหรือไม่ แล้วพานายทักษิณเหาะข้ามรั้วเรือนจำไปรักษาที่รพ.ตำรวจจริงหรือไม่ เชื่อว่าย่อมมีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย
จึงขอให้ป.ป.ช. ดำเนินการสอบจริธรรมนักการเมืองและข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยข้องทั้งหมดทั้งนายวิษณุ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ ซึ่งเป็นรมว.ยุติธรรม ในขณะนั้น รวมทั้งพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม คนปัจจุบันที่เป็นอนุมัติด้วย ประชาชนก็สงสัยว่า ความยุติธรรมนั้นยุติธรรมจริงหรือไม่ หากยุติธรรมจริงทำไมนักโทษกว่า 2.7 แสนรายยังอยู่ในคุก แต่ทำไมนายทักษิณ คนดียวซึ่งถูกคำพิพากษาจำคุก 1 ปี แต่ไม่ได้ติดคุกจริง กลับแหกตาประชาชนทั้งประเทศ โดยให้กันข้าราชการชั้นผู้น้อย และหน่วยงานอื่นๆ ไว้เป็นพยานทั้งหมด
เมื่อถามว่า คาดว่านายทักษิณจะได้รับสิทธิ์รักษาตัวในโรงพยาบาลไปเรื่อยๆ จนพ้นโทษหรือไม่ นายวัชระ กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลนี้ นำโดยนายเศษฐา ทวีสิน นายกฯ เป็นที่รับทราบโดยทั่วกันว่ามีความเกี่ยวข้อง เกี่ยวพันธ์แนบแน่นประการใดกับนายทักษิณ จึงเชื่อได้แน่ว่า การรักษาตัวของนายทักษิณ คงเป็นไปโดยสะดวกทุกประการ แต่ประชาชนสงสัย และไม่เชื่อว่านายทักษิณป่วยจริง เพราะตอนอยู่เมืองนอก ว่ายน้ำ ชกกระสอบทราย ลากสกี ร้องเพลง ดื่มไวน์ ลงที่สนามบินดอนเมืองยังโบกมือให้มิตรรักแฟนเพลงของตัวเอง เดินอย่างแข็งแรง ไม่มีอาการเจ็บป่วย ไม่มีเปลหามลงมาจากเครื่องบิน สุขภาพร่างกายแข็งแรงในวันนั้น แต่พอไปถึงราชทัณฑ์กลับกลายเป็นคนป่วยที่แม้แต่รพ.ราชทัณฑ์ก็ไม่สามารถรักษาได้ มีเหตุผลกลใดที่ต้องใช้วิธีการเหนือเมฆให้นายทักษิณไปรักษาที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ และตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. จนถึงวันนี้ ประชาชนก็ไม่เชื่อว่ารักษาตัวที่โรงพยาบาลจริงตลอดเวลา จึงขอให้ป.ป.ช.ดำเนินการตั้งอนุกรรมการไต่สวนเรื่องนี้ด่วนที่สุด เพราะเป็นการเอาเปรียบนักโทษทั่วประเทศกว่า 2.7 แสนคน ที่เข้าจำคุกจริง ไม่ใช่จำคุกทิพย์ ไม่ได้ไปนอนที่รพ.ตำรวจชั้น 14 ซึ่งแบบนั้นจะบอกได้ว่า เป็นการจำคุกตามพ.ร.บ.ราชทัณฑ์หรือไม่ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่ประการใด ดังนั้นป.ป.ช.ต้องรีบไต่สวนและตอบคำถามนี้โดยเร็วที่สุด
เมื่อถามว่า นายสมศักดิ์ ระบุว่า นายทักษิณเข้าเรือนจำแล้วมีภาวะเครียด มองว่าเป็นไปได้หรือไม่ นายวัชระ กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ นายสมศักดิ์นั่นแหละเครียดกว่า แต่นายสมศักดิ์ เป็นคนดำเนินการเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่สมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเป็นคนที่รู้ดี และอย่าได้แปลกใจว่าทำไมนายสมศักดิ์ได้เป็นรองนายกฯ โดยส่วนตัวก็ชื่นชมว่าท่านสามารถเป็นรัฐมนตรีมาได้ยาวนานที่สุด ในบรรดา รัฐมนตรีหรือนักการเมืองคนอื่น สามารถอยู่มาได้ทุกยค ตั้งแต่สมัยนายทักษิณ เป็นนายกฯ จนถึงสมัยพล.อ.ประยุทธ์ ปัจจุบัน และรวมถึงอนาคต
เมื่อถามว่า รายละเอียดระเบียบราชทัณฑ์ เป็นฝีมือของนายสมศักดิ์ ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ต้น แล้วนายสมศักดิ์กับนายทักษิณเกี่ยวพันกันอย่างไร ประชาชนรู้กันทั้งประเทศ และกรณีการออกระเบียบราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฎว่าข้าราชการระดับสูงกระซิบว่า มีการเร่งรัดให้ทำโดยเร็ว ให้เสร็จในเร็วๆนี้ ซึ่งข้าราชการก็ได้ชี้แจงต่อกรรมาธิการตำรวจไปแล้วเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยได้รับคำตอบว่า คนที่เร่งรัดคือนายสหการณ์ เพร็ชนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และหลังเซ็นออกระเบียบฯ เพียง 13 วันก็ได้เป็นอธิบดีฯ อย่างนี้เป็นประโยชน์ต่างตอบแทนหรือไม่ ทั้งนี้ไม่ต้องใช้พยานบุคคลเลยขอให้ไปอ่านในรายละเอียดจะรู้ว่า เอื้อประโยชน์ต่อนายทักษิณอย่างไร อย่างไรก็ตาม ตนได้เสนอในกรรมาธิการตำรวจว่า เพื่อให้สิ้นข้อสงสัย สิ้นข้อครหาก็ขอให้อธิบดีฯ ประกาศเลื่อนการบังคับใช้ระเบียบดังกล่าวออกไป 1 ปี เพื่อความโปร่งใส เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย สิ้นครหา ต่อนาทักษิณ
เมื่อถามว่า วันนี้ครบ 120 วัน ในวันนี้ คิดว่าจะมีการใช้วิธีการใดเพื่อให้นายทักษิณได้นอนโรงพยาบาลต่อ โดยไม่มีข้อครหา นายวัชระ กล่าวว่า ตนไม่มีมันสมองที่เลิศเลอเหมือนข้าราชการที่รับใช้ฝ่ายการเมืองอยู่ในขณะนี้ จึงไม่อาจทราบได้ว่าจะใช้วิธีการใด
“ผมสงสารข้าราชการประจำ ขอให้ไปดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ว่านักการเมืองใช้ข้าราชการประจำแล้วเป็นอย่างไร เช่น กรณีของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงพาณิชย์ ในคดีจำนำข้าว สุดท้ายล้วนแต่ต้องติดคุกกันทั้งนั้น ดังนั้นขอให้ข้าราชการรักศักดิ์ศรี อย่ายอมเป็นทาสของนักการเมือง” นายวัชะ กล่าว
เมื่อถามว่าฝ่ายค้าน หรือพรรคก้าวไกลตรวจสอบเรื่องนี้น้อยมาก นายวัชระ กล่าวว่า พรรคก้าวไกล มีเข็มมุ่งที่ชัดเจน และอยู่ภายใต้การครอบงำของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ แล้วนายธนาธรมีการคุย ตกลงอย่างลับๆ กับนายทักษิณล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นการกระทำของพรรคก้าวไกลในอนาคต ล้วนอยู่ใต้การชักนำของนายธนาธรหรือไม่ ดังนั้นเป็นเหตุให้ไม่กล้ายุ่งกับกรณีนายทักษิณ ถึงแตะก็แตะอย่างผิวเผิน