กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โดยสำนักส่งเสริมสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า (สสม.) เดินหน้ายกระดับแบรนด์สินค้าไทย จัดกิจกรรม T Mark Clinic ครั้งที่ 1 ให้คำปรึกษาเชิงลึก เคียงข้างผู้ประกอบการไทย ที่ต้องการสร้างการเติบโตของธุรกิจแบบยั่งยืนทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการติดตราสัญลักษณ์ “Thailand Trust Mark” (T Mark) ตราสัญลักษณ์แห่งคุณภาพ ความไว้วางใจ และการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้าน “ผอ.ประอรนุช” เผยขณะนี้ T Mark ได้รับการยอมรับสูงในตลาดต่างประเทศ หลังผลักดันต่อเนื่องมายาวนานกว่า 11 ปี คาดปีหน้ามีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมไม่ต่ำกว่า 150 บริษัท ช่วยกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของการส่งออกสินค้าและบริการของไทย ที่สามารถสร้างความมั่นใจได้ในตลาดโลก
ผอ.ประอรนุช ประนุช ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สำนักส่งเสริมมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้าได้ดำเนินโครงการสร้างแบรนด์ประเทศไทยผ่านสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ที่ได้รับตราสัญลักษณ์ T Mark มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555 - 2566 โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐภาคเอกชนเป็นอย่างดี อาทิ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

“ตราสัญลักษณ์ Thailand Trust Mark หรือ T Mark ถือเป็นการช่วยสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าและบริการจากประเทศไทย ว่าเป็นแหล่งผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณภาพที่ทั่วโลกมั่นใจได้ เพราะแบรนด์ที่จะสามารถรับตราสัญลักษณ์นี้ได้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่ต้องผ่านเกณฑ์ที่ถูกกำหนดไว้อย่างเข้มข้นเท่านั้น ทั้งการใส่ใจต่อการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนและแรงงาน การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และความรับผิดชอบต่อสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นภาพที่ชัดเจนในใจของผู้ซื้อและผู้บริโภคทั่วโลก และต้องเป็นความมั่นใจที่เชื่อถือได้อย่างแท้จริง
อีกทั้งขณะนี้ตลาดในต่างประเทศลูกค้าจำนวนมาก เริ่มมีการเรียกร้องกับผู้ประกอบการไทยหลายราย ให้ดำเนินการขออนุญาตติดตราสัญลักษณ์ T Mark ให้สำเร็จก่อนที่จะนำสินค้าเข้าไปจัดจำหน่าย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าสินค้านี้ผ่านมาตรฐานครบทุกด้านจริง โดยข้อมูลของการเข้าชมเว็บไซต์ Thailand Trust Mark พบว่า ประเทศที่ให้ความสนใจเข้ามาสำรวจข้อมูลมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ จีน , อินเดีย และสหรัฐอเมริกา และขณะนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กำลังเร่งขยายการประชาสัมพันธ์ไปสู่ภูมิภาคตะวันออกกลาง และแน่นอนว่าระยะยาว T Mark จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวของการส่งออกสินค้าและบริการไทย และสร้างประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืน”

ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2555 - 2566 มีผู้ประกอบการขอรับตราสัญลักษณ์ T Mark แล้วทั้งสิ้น 862 บริษัท โดยยังคงสถานะสมาชิกภาพ จำนวน 249 บริษัท และคาดว่าในทุกปีต่อจากนี้จะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 150 บริษัทต่อปี โดยทางด้านสำนักส่งเสริมสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า (สสม.) มุ่งมั่นที่จะเคียงข้างเป็นที่ปรึกษาและให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ในทุกมิติ กับผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาของการจัดกิจกรรม “T Mark Clinic ครั้งที่ 1” ภายใต้โครงการสร้างแบรนด์ประเทศในด้านสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ผ่านตราสัญลักษณ์ Thailand Trust Mark (T Mark) แบบครบวงจร ประจำปี 2567 จัดขึ้นในวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ณ ห้อง Hill Crest ชั้น 5 The Quarter Hotel Ladprao โดยมีผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
ภายในงานมีกิจกรรมแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก คือ 1. การให้คำปรึกษาเชิงลึกสำหรับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรม แบ่งออกเป็น 3 โซน 8 คลินิก ได้แก่ โซน 1 ส่งเสริมการส่งออก 3 คลินิก , โซน 2 สิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม 3 คลินิก และโซน 3 แรงงานและสิทธิมนุษยชน 2 คลินิก

2. เสวนาให้ความรู้จากวิทยากรที่มีประสบการณ์สร้างแบรนด์ระดับประเทศในด้านสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ผ่านตราสัญลักษณ์ Thailand Trust Mark (T Mark) เจาะลึกประเด็นการค้าการส่งออก รวมถึงมิติที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและแรงงาน โดยได้รับเกียรติจาก คุณพรชัย พัวพัฒนขจร กรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ฟรุตออร์แกนนิค จำกัด ผู้ประกอบกิจการส่งออก ขายส่ง อาหารสำเร็จรูป ขนม ลูกอมผลไม้ ฯลฯ เจ้าของแบรนด์ “บ๊วยคืนชีพ” ที่โด่งดังและเป็นที่นิยมอันดับต้น ๆ ในไต้หวัน มาร่วมแชร์ประสบการณ์ การดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ เคล็ด (ไม่) ลับของการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในการส่งออก โดยตอกย้ำว่าการมีตราสัญลักษณ์ T Mark จะช่วยให้ลูกค้าในตลาดต่างประเทศเกิดความมั่นใจในสินค้ามากขึ้น และในฐานะที่บริษัทฯเป็น OEM ยังสามารถช่วยให้ลูกค้าที่มาจ้างผลิตสินค้าได้รับตราสัญลักษณ์ T Mark ที่มีส่วนช่วยในการขยายตลาด และผลักดันให้ยอดขายเติบโตสูงขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ คุณเกียรติศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการบริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์ “กะทิชาวเกาะ” ได้ร่วมแชร์เทคนิคการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน กับการบริหารจัดการแรงงานที่ดี ที่ดำเนินการต่ออายุ มรท.ต่อเนื่องมากว่า 15 ปี โดยได้กล่าวถึงแนวโน้มที่เปลี่ยนไปของลูกค้าต่างประเทศในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมาว่า ในอดีตลูกค้ามักมีการสุ่มเข้ามาตรวจสอบโรงงานเกี่ยวกับคุณภาพของการผลิตสินค้าเป็นหลัก แต่ปัจจุบันสิ่งที่ลูกค้าต่างประเทศให้ความสำคัญเพิ่มเติม คือ การบริหารจัดการแรงงานที่ดีและถูกต้อง มีสวัสดิการที่ดี มีความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน และความเท่าเทียมเป็นหลัก ดังนั้นหากผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาธุรกิจเพื่อการส่งออกให้ถูกต้องครบทุกมิติ การเข้ามาปรึกษากับสำนักส่งเสริมมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สมัครรับตราสัญลักษณ์ T Mark จึงเป็นเรื่องที่ควรทำ เพราะจะช่วยสร้างผลประโยชน์ต่อบริษัทได้ในระยะยาว
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับจากตราสัญลักษณ์ T Mark ได้แก่ 1. ได้รับการประชาสัมพันธ์ผ่านตราสัญลักษณ์ T Mark ก่อให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ 2. โอกาสในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แบรนด์และสินค้าผ่านสื่อต่าง ๆ ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศรวมถึงหน่วยงานพันธมิตร 3. ได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ในการเข้าร่วมกิจกรรมของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ทั้งกิจกรรมในประเทศและต่างประเทศ เช่น งาน STYLE BANGKOK, TAPA และ THAIFEX ซึ่งมีการจัดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 4. โอกาสในการเข้าร่วมโครงการเครือข่ายกระจายสินค้า/โครงการพันธมิตรคู่กระจายสินค้าในต่างประเทศ เช่น งานนิทรรศการ T Mark Pop Up ณ เมืองคุนหมิง ประเทศจีน งานนิทรรศการ T Mark Pop Up ณ เมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย รวมทั้งการจัดกิจกรรม Online Business Matching (OBM) กับผู้นำเข้าต่างประเทศ เป็นต้น
มีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้สมัครแบ่งออกเป็น 7 ข้อสำคัญคือ 1. ต้องเป็นนิติบุคคลและเป็นสมาชิกผู้ส่งออกกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (EL, Pre-EL, TDC และ Pre-TDC) 2. ได้การรับรองมาตรฐานในประเทศ และ/หรือมาตรฐานสากลต่างประเทศ 3. สินค้าและบริการที่มีแหล่งกำเนิดในประเทศไทย 4. ผ่านการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ระดับ 2 เป็นอย่างน้อย หรือ ISO 14001 5. ผ่านการรับรองมาตรฐานแรงงานไทย (มรท.8001 - 2563) ระดับพื้นฐานเป็นอย่างน้อย 6. มีการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์ CSR-DIW อย่างน้อย 4 ข้อ จาก 7 ข้อ 7. มีมูลค่าการส่งออกหรือมูลค่าการขายตามเกณฑ์ที่กำหนด
ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ thailandtrustmark.com , สำนักส่งเสริมสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โทรศัพท์ +66 2-507-8266, +66 2-507-8271, +66 2-507-8273
