เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2566 นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่ คณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ชุดที่ 22 ในรูปคณะกรรมการไตรภาคีประชุมร่วมกันและมีมติเป็นเอกฉันท์การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีในช่วง 2-16 บาท หรือเฉลี่ยที่ 3.2 % ทั่วประเทศแล้วนั้น
หอการค้าไทย เห็นว่าการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีครั้งนี้ ภายใต้คณะกรรการไตรภาคีเป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน มาตรา 87 ในการพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำให้คณะกรรมการค่าจ้างศึกษาและพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับอยู่ประกอบกับข้อเท็จจริงอื่น โดยคำนึงถึงดัชนีค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ มาตรฐานการครองชีพ ต้นทุนการผลิต ราคาของสินค้าและบริการ ความสามารถของธุรกิจ ผลิตภาพแรงงาน ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ และสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม ประกอบกับการพิจารณาจากปัจจัยหลายเงื่อนไขตามกฎหมายกำหนด และสอดคล้องกับ กฎบัตรองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และเห็นด้วยกับการปรับค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีที่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกครั้งนี้
อย่างไรก็ดี ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงลูกจ้างโดยมาจากมติค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีครั้งนี้ อันมาจากความตั้งใจให้ลูกจ้างคนไทยมีรายได้ดีขึ้น และส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเห็นว่าการปรับค่าจ้างขั้นต่ำในบางจังหวัดไม่เหมาะสม
จากเหตุผลดังกล่าว หอการค้าไทย ได้ตระหนักถึงความเป็นห่วงของท่านนายกรัฐมนตรี ซึ่งเห็นว่าคณะรัฐมนตรี โดยท่านนายกรัฐมนตรี สามารถให้ความเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อให้กระทรวงแรงงาน โดยคณะกรรมการไตรภาคี ทบทวนศึกษาการปรับค่าจ้างขั้นต่ำประจำปีในบางจังหวัดได้ให้เหมาะสมเพิ่มมากขึ้น