เมื่อวันที่ 28 พ.ย.66 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทวีตข้อความผ่านแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์) @paritw92 ระบุว่า
[ 5 ข้อเสนอปฏิรูปการศึกษา ยกระดับทักษะสื่อสารภาษาอังกฤษของคนไทย ] . เมื่อไม่กี่วันที่แล้ว ทาง Education First ได้เผยแพร่ผล “ดัชนีความสามารถทางภาษาอังกฤษ” (English Proficiency Index) ประจำปี 2023 โดยประเทศไทยเข้ามาเป็นอันดับที่ 101 จาก 113 ประเทศทั่วโลก ต่ำสุดในบรรดา 8 ประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีการวัดผล และลดลงจากอันดับที่ 97 จาก 111 ประเทศทั่วโลกในปี 2022 .
แม้ปัญหาเรื่องทักษะภาษาอังกฤษ อาจมีหลายปัจจัยนอกเหนือจากระบบการศึกษา แต่ผมคิดว่าปัญหาเรื่องทักษะภาษาอังกฤษ สะท้อนให้เราได้เห็นถึง 2 ปัญหาของระบบการศึกษาไทยในภาพรวม .
(i) “คุณภาพ” ระบบการศึกษา - ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ “ปริมาณ” แต่อยู่ที่ “ประสิทธิภาพ” เนื่องจากนักเรียนไทยไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียน “ช้ากว่า” หรือ “น้อยกว่า” กว่าประเทศอื่นๆ แต่หลักสูตร-วิธีการสอนปัจจุบัน ไม่สามารถแปรชั่วโมงเรียนเหล่านั้นหรือความขยันของนักเรียนออกมาเป็นทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพได้ดีเท่าที่ควร .
(ii) “ความเหลื่อมล้ำ” ด้านการศึกษา - เด็กไทยปัจจุบันยังไม่ได้มีโอกาสเข้าถึงการเรียนการสอนภาษาอังกฤษที่มีคุณภาพอย่างทัดเทียมกัน โอกาสในการเรียนต่อในต่างประเทศ-เรียนในโรงเรียนนานาชาติ-เรียนในโรงเรียนที่จัดหลักสูตรภาษาอังกฤษ (English Programme หรือ EP) ยังคงเป็นโอกาสที่เด็กบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้าถึง .
หากพูดถึงการปฏิรูประบบการศึกษา ผมมองว่ามีนโยบายอย่างน้อย 5 ด้านที่รัฐบาล (โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ) สามารถดำเนินการได้ เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ภาษาอังกฤษของนักเรียนและเยาวชนทั่วประเทศ: .
1. ออกแบบหลักสูตรและวิธีการสอนภาษาอังกฤษใหม่ - ปรับหลักสูตรวิชาภาษาอังกฤษ ให้เน้นด้านทักษะการสื่อสารหรือการ “ใช้” ภาษาเป็นหลัก มากกว่าเน้นแค่เพียงหลักภาษาและไวยากรณ์ - ทำให้ห้องเรียนภาษาอังกฤษเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ที่ช่วยให้ผู้เรียนกล้าลองผิดลองถูกในการใช้ภาษา และเรียนรู้จากข้อผิดพลาด - เพิ่มสัดส่วนวิชาและกิจกรรมในโรงเรียนที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ - ดำเนินการพร้อมกับการออกแบบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานฉบับใหม่ทั้งหมด (ไม่ใช่แค่ด้านภาษาอังกฤษ) ที่เน้นการพัฒนาทักษะ-สมรรถนะ มากกว่าเพียงการอัดฉีดเนื้อหา .
2. ยกระดับการอบรมทักษะภาษาอังกฤษของครูไทย - เพิ่มความเข้มข้นในการอบรมครูไทยด้านภาษาอังกฤษทั้งในระดับสถาบันผลิตครู (pre-service training) และการพัฒนาทักษะในงาน (in-service training) - เน้นการกระจายงบอบรมครูที่ปัจจุบันกระจุกอยู่กับส่วนกลางทั้งหมด ไปเป็นการให้งบตรงไปที่โรงเรียนและครูแต่ละคนในการซื้อคอร์สพัฒนาทักษะที่ตอบโจทย์ด้านที่ตนเองต้องการพัฒนา .
3. ทำ MOU กับประเทศหรือเมืองอื่นๆ เพื่อให้มีโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างครูสอนภาษาอังกฤษในต่างประเทศและครูไทยที่สอนภาษาอังกฤษ - เพิ่มสภาพแวดล้อมที่นักเรียนไทยได้ฝึกสื่อสารภาษาอังกฤษกับครูต่างชาติที่มาสอนในประเทศไทย - ยกระดับทักษะครูไทยที่จะมีประสบการณ์ไปสอนในโรงเรียนที่ต่างประเทศ .
4. ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนอกห้องเรียน - พิจารณาจัดสรร “คูปองเปิดโลกเรียนรู้” สำหรับเด็กและเยาวชนในการเรียนรู้นอกห้องเรียน (ซึ่งอาจรวมถึงคอร์สหรือกิจกรรมที่มีการใช้ภาษาอังกฤษ) - จัดทำแพลตฟอร์มเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่รวบรวมคอร์สพัฒนาทักษะ (เช่น คอร์สภาษาอังกฤษ) จากผู้ผลิตเนื้อหาในภาคเอกชนและภาควิชาการ โดยเปิดให้ประชาชนทุกคนเรียนได้ฟรีไม่จำกัด - เพิ่มจุดที่ประชาชนได้สัมผัสกับภาษาอังฤษในชีวิตประจำวัน (เช่น การเพิ่มบทบรรยายภาษาอังกฤษใต้ภาพ (subtitles) สำหรับข่าวสาร-ละคร-รายการในโทรทัศน์) .
5. รณรงค์ให้สังคมไม่มีค่านิยมที่ให้ความสำคัญมากเกินไปกับเรื่องสำเนียง (accent) จนทำให้เด็กหรือแม้แต่ผู้ใหญ่ไม่กล้าสื่อสารภาษาอังกฤษ - สร้างความเข้าใจว่าการออกเสียง (pronunciation) ให้ชัดถ้อยชัดคำเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการให้คู่สนทนาเข้าใจสิ่งที่เรากำลังสื่อสาร แต่สำเนียง (accent) ไม่ควรถูกมองว่าเป็นสาระสำคัญ เนื่องจาก “สำเนียงที่ถูกต้อง” (แม้ในเชิงทฤษฎี) ก็อาจไม่มีอยู่จริง ในเมื่อภาษาอังกฤษได้กลายเป็นภาษาที่ถูกใช้กันโดยคนในหลายประเทศทั่วโลกด้วยสำเนียงที่หลากหลาย หรือ แม้แต่คนในประเทศสหราชอาณาจักรเอง (ที่ถูกมองว่าเป็นต้นตำรับภาษาอังกฤษ) ก็ยังมีหลายสำเนียงที่แตกต่างออกไปในแต่ละภูมิภาค