ปลัดแรงงาน ส่งทูตแรงงานเยี่ยมให้กำลังใจแรงงานไทยในอิสราเอลที่ได้รับการปล่อยตัว พร้อมดูแล - อำนวยความสะดวกอย่างใกล้ชิด
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งข่าวเกี่ยวกับความคืบหน้าการปล่อยตัวประกันแรงงานไทยที่อิสราเอลเพิ่มอีก 3 คน ทราบชื่อ คือ 1) นายวิเชียร เต็มทอง ภูมิลำเนาจังหวัดบุรีรัมย์ 2) นายสุรินทร์ เกสูงเนิน ภูมิลำเนาจังหวัดอุบลราชธานี และ 3) นายพรสวรรค์ ปินะกาโล ภูมิลำเนาจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสุขภาพอยู่ที่โรงพยาบาลในอิสราเอล ทำให้ขณะนี้มีแรงงานไทยได้รับการปล่อยตัวแล้ว
17 ราย ในส่วนของการดูแลอำนวยความสะดวกแก่แรงงานไทยที่ได้รับการปล่อยตัวของกระทรวงแรงงานนั้น ผมได้รับรายงานจากนายกิตติ์ธนา ศรีสุริยะ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟว่า เมื่อวานนี้ (26 พ.ย.66) อัครราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายแรงงานฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายแรงงานฯ ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาล Shamir Medical Center เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจตัวประกันชาวไทยจำนวน 14 คน ที่ได้รับการปล่อยตัวจากฉนวนกาซ่า ระหว่างวันที่ 24 - 25 พฤศจิกายน 2566 พร้อมประสานงานและอำนวยความสะดวกกับเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมอิสราเอลในการจัดทำเอกสารเพื่อขอรับเงินชดเชยกรณีเป็นตัวประกันจากอิสราเอลให้กับแรงงานไทย รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการเป็นล่ามให้กับทีมแพทย์พยาบาลที่ให้การดูแลรักษาพยาบาลสุขภาพกายและสภาพจิตใจ อีกทั้ง ได้ประสานนายจ้างและเพื่อนร่วมงาน เพื่อติดตามทรัพย์สินและเงินสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายแรงงานอิสราเอลให้กับชาวไทยดังกล่าวอีกด้วย
นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันในคืนนี้ผมได้มอบหมายให้ นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ร่วมเดินทางไปกับคณะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เพื่อไปรับแรงงานไทยที่ได้รับการปล่อยตัวกลับประเทศไทยด้วย โดยจะเดินทางกลับมาพร้อมกับแรงงานไทยชุดแรกที่ได้รับการปล่อยตัวถึงประเทศไทยในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ด้วยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ LY 081 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 12.05 น.
ในส่วนการของการดำเนินการของกระทรวงแรงงานนั้น ทันทีที่มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กระทรวงแรงงานจะจัดเจ้าหน้าที่ตั้งโต๊ะให้บริการคำแนะนำเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอรับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ โดยแรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ จะได้รับเงินเยียวยาจากการเป็นสมาชิกกองทุนฯ รายละ 15,000 บาท และแรงงานไทยที่เคยเป็นผู้ประกันตนกับประกันสังคมก่อนที่จะเดินทางไปทำงานในอิสราเอลก็จะได้รับสิทธิประโยชน์จากประกันสังคมด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ ผมยังได้ให้แรงงานจังหวัดนำทีมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานในจังหวัดภูมิลำเนาของแรงงานไทยลงพื้นที่ไปพูดคุยกับญาติพี่น้องแรงงานไทยทุกรายเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจและอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการยื่นคำร้องขอรับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น ต้องการหางานใหม่ทำ หรือฝึกอาชีพ ก็จะอำนวยความสะดวกตามความประสงค์ด้วยเช่นเดียวกัน
“ขอให้ญาติของแรงงานมั่นใจได้ว่ารัฐบาลไทย กระทรวงแรงงาน และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะพยายามอย่างเต็มที่ ในการดำเนินการประสานทุกฝ่าย เพื่อเร่งช่วยเหลือให้พี่น้องแรงงานไทยที่เหลือทั้งหมดให้ได้รับการปล่อยตัวและเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อพบครอบครัวในเวลาที่รวดเร็วที่สุด” นายไพโรจน์ กล่าวท้ายสุด