เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 20 พ.ย. 2566 ที่กระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจประชาชน เรื่อง “OK ไหม กับ นายกฯ สรุปเอง เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท” และการออก พ.ร.บ. กู้เงิน ซึ่งพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ตรงนี้จะต้องชี้แจงอย่างไรว่า ตนดูคร่าวๆไม่ใช่เป็นเรื่องนั้นอย่างเดียว แต่ที่เห็นด้วยก็มี อยากให้แจกก็มี อะไรก็มี ตนคิดว่าเป็นการสะท้อนความคิดเห็น และเราก็ได้มีการแถลงไปเรียบร้อยแล้ว เรื่องก็อยู่ในมือของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว และวันที่ 20 พ.ย. เวลา 13.30 น. ก็ได้คุยกันถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมา 1.5 เปอร์เซ็นต์ คู่แข่งประเทศเพื่อนบ้านต่ำสุด 3.3 เปอร์เซ็นต์คือมาเลเซีย ส่วนประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของเราที่จะแย่งแหล่งทุนก็ 5 เปอร์เซ็นต์กว่าทั้งนั้น มากกว่า 2-3 เท่าด้วยในบางประเทศ แต่ก็เป็นเรื่องของการตีความว่า วิกฤติจำเป็นหรือเปล่า แต่สำหรับตนเห็นว่าจำเป็น และยังเป็นอย่างนั้นอยู่  

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากที่นายกฯ ได้แถลงความชัดเจนของเงื่อนไขการดำเนินโครงการเงินดิจิทัล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รวบรวมเสียงสะท้อนกลับมาอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ตอนนี้ยังรวบรวมต่อ และวันนั้นที่ทำไปแล้วยังคิดว่า ยังจะต้องทำงานต่อไปอีกก็ยังรับฟังอยู่ต่อ ซึ่งเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจะต้องทำกันไป

 

เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่กว่า พ.ร.บ. กู้เงินออก อาจมีเสียงสะท้อนมากขึ้นในหลายหลายส่วน ทำให้เสียสมาธิที่จะเดินหน้าตรงนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตำแหน่งผู้นำประเทศ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบที่สูง มีหลายภาคส่วนที่ต้องดูแลแก้ไขปัญหา เสียสมาธิ เสียกำลังใจ คงไม่มีหรอก คงไม่มีสิทธิ์ที่จะเสียกำลังใจหรือเสียสมาธิ เพราะคงเป็นข้ออ้างไม่ได้ที่จะไม่ทำงาน วันนี้ก็ทำงาน และกำลังจะกลับไปทำเนียบฯต่อ ยังมีประชุมอีก ไม่ต้องห่วงไม่เสียกำลังใจครับ ไม่เสียสมาธิครับ 

 

เมื่อถามว่า จีดีพี 1.5 ที่นายกฯ บอกว่ารู้สึกตกใจ แต่ระหว่างที่จะนำเงินดิจิทัลออกไปสนับสนุนเศรษฐกิจ จะมีเทคนิคในการบริหารเศรษฐกิจอย่างไรที่เร็วกว่านี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ดิจิทัลวอลเล็ตถือเป็นนโยบายใหญ่ และนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวก็ถือเป็นอีกนโยบายหนึ่ง รวมถึงนโยบายซอฟพาวเวอร์ก็เป็นอีกนโยบายหนึ่ง และนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งระบบ ก็เป็นอีกนโยบายหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งบางอย่างอาจทำได้ทันทีแต่บางอย่างอาจต้องใช้เวลา บางอย่างที่ทำได้ทันทีคือการแก้ไขปัญหาหนี้สิน และวันที่ 28 พ.ย. จะแถลงเรื่องการแก้ไขหนี้ และวันที่ 12 ธ.ค. จะแถลงเรื่องหนี้ในระบบทั้งหมด ก็ถือว่าเราต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และต้องทำงานกันอย่างต่อเนื่อง

 

เมื่อถามว่า ประชาชนอาจจะตกใจตาม นายกฯ จะให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวยืนยันว่า เราก็ยังทำงานให้ประชาชนอย่างเต็มที่ หากภาคส่วนไหนต้องการความช่วยเหลือ และเราเชื่อว่า เราเข้าใจความลำบากของพี่น้องประชาชนในแง่การลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เและการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ทุกนัดก็ได้มีมาตรการต่างๆออกไป เราพยายามอยู่ อย่างที่บอกเราก็ตกใจกับตัวเลขที่ออกมาขนาดนี้ เลขาธิการสภาพัฒน์ยังบอกนึกว่าจะเห็นเลข 2 ไม่ได้พลาดไปจุดหนึ่งหรือจุดสอง ที่บอกว่าคาดจะเห็นเลขสองนั้น คิดว่าจะได้ 2.0 อย่างน้อย 2.0 มา 1.5 ก็หายไป 0.5 เปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าสูงมาก ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกความเร่งด่วน และความจำเป็นหรือเปล่า อันนี้ตนคิดว่าตนพูดเยอะแล้วในตรงนี้

 

เมื่อถามว่า e-Refund กับ ดิจิทัลวอลเล็ต ประชาชนเลือกได้หนึ่งสิทธิ์ใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ใช่ ใครจะมีคุณสมบัติที่เหมาะสมทั้งสองอย่างก็ได้หมด หากใครมีเงินเดือนต่ำกว่า 70,000 บาท ก็สามารถได้ดิจิทัลวอลเล็ต ขณะที่ใครสามารถใช้จ่ายวงเงินตามที่e-Refund กำหนดไว้ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ 

 

เมื่อถามว่า ก่อนที่นายกฯ จะขึ้นไปประชุม พูดว่าเศรษฐกิจเลวร้ายกว่าที่คิด ขณะที่ก่อนหน้านั้น นายกฯ บอกว่าเศรษฐกิจวิกฤติ ซึ่งแปลว่าตอนนี้หนักกว่าที่คิดไว้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าเป็นการคอนเฟิร์มมากกว่า เป็นการยืนยันมากกว่าว่าสิ่งที่เราคิดมันคืออย่างนั้น 

 

เมื่อถามว่า คิดว่าไม่เกินความสามารถของนายกฯใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ยิ้มพร้อมกล่าวว่า สวัสดีครับ ขอบคุณครับ พร้อมกับยกมือไหว้และเดินขึ้นรถทันที