วันที่ 12 พ.ย.66 ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (Super Poll) และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยจอร์ชทาวน์ วอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ กล่าวในฐานะผู้แทนภาคประชาชนในกรรมการผู้ทรงคุณวุฒินโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) เปิดเผยผลการศึกษาเรื่อง ภัยอยู่กับมือ เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลจากผลสำรวจและแหล่งอื่น ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.0 เคยถูกหลอกลวงในโลกออนไลน์จากการใช้โซเชียล และแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เกินครึ่งหรือร้อยละ 51.2 เคยตกเป็นเหยื่อขบวนการมิจฉาชีพในโลกออนไลน์หลายรูปแบบ เช่น ลิงก์ล่อเหยื่อ เข้าใช้บริการระบบออนไลน์ไม่ได้ การถูกดูดเงินออกไปจากบัญชี และอื่น ๆ
ปัญหาอันตรายเหล่านี้คือ ภัยอยู่กับมือ ของประชานทุกคน การที่รัฐบาลจะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ประชาชนกว่า 50 ล้านคนทั่วประเทศ รวมเป็นเงินกว่า 5 แสนล้านบาท จึงกลายเป็นบ่อน้ำมันทรัพยากรอันมีค่ามหาศาลล่อตาล่อใจให้ขบวนการ “โจรไซเบอร์” กล้าลงทุนเข้ามาโจมตีระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ของรัฐบาลและที่โจมตีง่ายที่สุดคือ โทรศัพท์มือถือของประชาชน จึงกลายเป็น ภัยอยู่กับมือ ที่รัฐบาลและหน่วยงานความมั่นของชาติจะนิ่งนอนใจต่อไปไม่ได้ เพราะการโจมตีทางไซเบอร์ไปยังมือถือของประชาชนกำลังเป็นปัญหาใหญ่อยู่ทั่วโลกในเวลานี้
ที่น่าพิจารณา คือ การสื่อสารกับประชาชนที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแถลงต่อประชาชนทั้งประเทศถึงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชันไปยังมือถือของประชาชนเป็นส่วนใหญ่ทั้งประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนระดับอำเภอทุกอำเภอและการพัฒนาเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งเสริมสร้างความตระหนักต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์มาเป็นวาระสำคัญเร่งด่วนก่อนวันกดปุ่มแจกเงินให้ประชาชนผ่านทางมือถือ เพราะจุดอ่อนที่สุดของการโจมตีทางไซเบอร์โดย “โจรไซเบอร์” คือ ปลายทาง (End Point) นั่นคือโทรศัพท์มือถือของประชาชนและนั่นคือข้อมูลส่วนตัวของประชาชน เลขที่บัตรประชาชน เลขที่บัญชีธนาคาร การทำธุรกรรมทางการเงินของประชาชนผ่านทางโทรศัพท์มือถือตกอยู่ในอันตรายที่เรียกว่า ภัยอยู่กับมือ
ที่น่าเป็นห่วงคือ ภัยอยู่กับมือของประชาชนนี้ควรนับรวม ภัยต่อความมั่นคงของชาติ ภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ที่อยู่กับโทรศัพท์มือถือของประชาชนทุกคนด้วย โดยขบวนการโจรไซเบอร์พร้อมจะลงทุนใช้เทคโนโลยีมาโจมตีเอาเงินที่มีมูลค่าเป็นแสนล้านบาทจากนโยบายแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล เพราะโจรไซเบอร์เคยโจมตีระบบความปลอดภัยสูงทางไซเบอร์กับระบบบล็อกเชนมาแล้วเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน นั่นขบวนการโจรไซเบอร์ทำให้เกิดความเสียหายเพียงหลักหมื่นล้านบาท แต่สำหรับประเทศไทยมูลค่าห้าแสนล้านบาทจึงเป็นที่ล่อตาล่อใจให้ขบวนการโจรไซเบอร์ลงทุนโจมตีในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งอย่างแน่นอน
ที่น่าพิจารณาคือ การที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศจะพัฒนา เป๋าตัง ไปสู่การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่ทำให้เกิดความปลอดภัยสูง ความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล ป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น และการนำเทคโนโลยีความปลอดภัยสูงไปใช้ประโยชน์พัฒนาประเทศมิติอื่น ๆ นั้นถือได้ว่านายเศรษฐา ทวีสินจะเป็นนายกรัฐมตรีคนแรกของประเทศไทยและคนแรก ๆ ของโลกที่กล้าจะใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยสูงมาทำให้บ้านเมืองขาวสะอาดลดปัญหาทุจริตคอรัปชั่นและความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนได้ผลสำเร็จอย่างยั่งยืน ถ้านโยบายของรัฐบาลชุดนี้ภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันไม่ถูกสกัดเสียก่อน