เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2568 ดร.ชาญวิชย์ อริยาวรนันต์ รักษาการผู้อำนวยการ สำนักวิจัย “ซูเปอร์โพล” นำเสนอผลสำรวจเรื่อง “เด็กคิดอย่างไรต่อการเมือง” กรณีศึกษาตัวอย่างเด็กและเยาวชนอายุ 14 – 19 ปี ทุกภูมิภาคของประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 1,089 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 9 – 11 มกราคม พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา พบว่า

1.การเปลี่ยนแปลงที่ต้องการในบุคลิกของนักการเมือง: ร้อยละ 77.1 ของเด็กและเยาวชนผู้ตอบแบบสอบถามต้องการเห็นนักการเมืองที่มีความโปร่งใส , ซื่อสัตย์ และไม่ใช้ความรุนแรง

2.ความสำคัญที่ต้องการให้นักการเมืองใส่ใจกับการศึกษา: ร้อยละ 72.4 ต้องการให้นักการเมืองให้ความสำคัญกับการศึกษาและการพัฒนาเยาวชนมากขึ้น

3.ความเห็นว่านักการเมืองเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว: ร้อยละ 65.8 ระบุว่านักการเมืองมีการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าผลประโยชน์ของส่วนรวม

4.ความเบื่อหน่ายต่อนักการเมือง: ร้อยละ 63.7 รู้สึกเบื่อหน่ายกับนักการเมือง แต่ยังคงสนใจติดตามข่าวสารทางการเมือง

5.การทำงานของนักการเมืองเฉพาะเรื่อง: ร้อยละ 61.5 ระบุว่านักการเมืองทำงานได้ดีเฉพาะในเรื่องที่พวกเขาสนใจเท่านั้น

6.ความรู้สึกต่อนักการเมืองท้องถิ่น: ร้อยละ 33.4 รู้สึกดีต่อนักการเมืองท้องถิ่น

7.ความเชื่อมั่นในนักการเมือง: ร้อยละ 21.8 เชื่อมั่นว่านักการเมืองสามารถทำตามสัญญาได้

8.แรงบันดาลใจจากนักการเมือง: ร้อยละ 20.5 มีนักการเมืองที่เป็นแรงบันดาลใจ

9.ความสนใจในการเมือง: ร้อยละ 15.9 สนใจมีส่วนร่วมทางการเมือง

10.ความสนใจในอาชีพนักการเมือง: ร้อยละ 10.8 สนใจที่จะเป็นนักการเมืองในอนาคต

กล่าวโดยสรุป การศึกษาของ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล ครั้งนี้มุ่งเน้นการสำรวจความคิดเห็นและทัศนคติของเด็กและเยาวชนชาวไทยที่มีต่อนักการเมืองและกระบวนการทางการเมือง โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำความเข้าใจถึงความคาดหวังและความต้องการของกลุ่มอายุนี้ ซึ่งจะช่วยให้นักการเมืองและผู้กำหนดนโยบายสามารถวางแผนและปรับปรุงนโยบายให้สอดคล้องกับความต้องการของเยาวชนได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ผลการวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงความต้องการของเยาวชนในการเห็นการเปลี่ยนแปลงในแวดวงการเมือง โดยเฉพาะการเน้นย้ำความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ ผลการวิจัยเสนอให้นักการเมืองและผู้กำหนดนโยบายพัฒนาและปรับปรุงแนวทางการทำงานและนโยบายในด้านการศึกษา และเพิ่มการมีส่วนร่วมของเยาวชนในกระบวนการทางการเมือง การศึกษานี้สามารถช่วยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าใจถึงความคาดหวังของเยาวชนและสนับสนุนให้พวกเขามีบทบาทในการรูปแบบนโยบายและการเมืองของประเทศในอนาคต