"วุฒิพงศ์"แฉแหลกภาคสอง "ผู้ช่วยส.ส. -กก.บห." รวมหัวกันขับออกจากพรรคก้าวไกล พร้อมเปิดโปงพฤติกรรมทุจริต เชื่อเหตุถูกเช็กเบิลอาจไปเหยียบเท้ากก.บห.พรรคอย่างแรง "ศรีสุวรรณ" บุกร้องปปช.สอบ 2 ส.ส.ก้าวไกล" คุกคามทางเพศผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ เตือนพรรคไหนรับเข้าสังกัดส่อถูกยุบพรรค
  
     ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 6 พ.ย.66 เวลา 11.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา อดีตส.ส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล แถลงข่าวอีกครั้งภายหลังพรรคมีมติขับออกกรณีข้อกล่าวหาคุกคามทางเพศ โดยได้นำข้อมูลของผู้ช่วยส.ส.อักษาย่อว่า ส ที่มีความใกล้ชิดกับกรรมการบริหารพรรคบางคนมาเปิดให้ผู้สื่อข่าวดู และเชื่อว่าเป็นต้นเหตุให้พรรคมีมติขับออก
    
 ทั้งนี้ นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากครั้งที่แล้วที่ตนพูดว่าเป็นเรื่องการเมือง และมีความเกี่ยวข้องกับผู้ช่วยสในสัดส่วนของกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ซึ่งหลังจากการเลือกตั้งสิ้นสุดลง มีผู้ช่วยส คนหนึ่งได้ตระเวนเดินสายร้องเรียน และแจ้งความตนในหลายกรณีเช่น การไลฟ์สดรักษาคะแนนหรือกระบวนการจัดทำไพรมารี่โหวต จนกระทั่งการคุกคามทางเพศ ซึ่งผู้ช่วย ส คนนี้ก็ได้พาผู้เสียหายเดินทางไปด้วย นี่เป็นจุดเริ่มต้นขอบความไม่เป็นธรรม เพราะฉะนั้นการมีส่วนได้เสีย หรือมูลเหตุจูงใจทั้งหมด ในการนำเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาพิจารณา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องการทุจริตในภาพลักษณ์รัฐสภา 
    
 แม้กระทั่งผู้ช่วยส หรือทีมงานภายในพรรค การทุจริตถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ตนทำงานในเรื่องมลพิษ ภายในจ.ปราจีนบุรี ที่มีโรงงานหลายแบบ และเป้าหมายในการลงทุนอุตสาหกรรมบ่อกำจัดขยะขนาดใหญ่ในภาคตะวันออก จะทำงานอย่างไร หากทีมงานผู้ช่วยในจังหวัด มีพฤติกกรมเรียกรับผลประโยชน์ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24-25 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปยื่นเอกสารทุกอย่างให้กับระดับกรรมการบริหารพรรคไปหมดแล้ว
    
 ผมไม่ทราบว่าเรื่องที่ผมทำไปเหยียบเท้ากรรมการบริหารพรรคหรือเปล่า ผมต้องการสะท้อนว่าเรื่องรับผลประโยชน์ไม่ควรจะเกิดขึ้นในพรรคก้าวไกล เราต้องทำไปตรงมา ผมยึดถือมาตลอดในการทำการเมืองแบบใหม่โดยไม่ทุจริต แต่ผู้ช่วย สมีพฤติกรรมในการให้ช่วยซื้อที่ดินแบ่งขายของตัวเอง 5 ไร่ ในมูลค่าประมาณ 3.5 ล้านบาท โดยนายวุฒิพงศ์ได้แสดงบันทึกข้อความและเสียงสนทนาการเจรจาในที่ดินบริเวณใกล้เคียงได้มีการจัดสรรที่ดินให้ครอบครัว และให้กับทางบ่อกำจัดขยะ นอกจากนี้ผู้ช่วย ส คนนี้ ได้มีการให้สัมภาษณ์กับแฟนเพจที่เป็นขั้วตรงข้ามกับพรรคก้าวไกลในการโจมตีผมด้วย" นายวุฒิพงศ์ กล่าว
    
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวุฒิพงศ์ ยังตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ช่วย ส คนนี้ มีความสัมพันธ์พิเศษกับผู้เสียหายที่ร้องเรียนตนในกรณีคุกคามทางเพศหรือไม่ เพราะชาวบ้านในพื้นที่ก็ตั้งคำถามในเรื่องความผูกพันของทั้งคู่มามากกว่าปีครึ่งแล้ว ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังจากตนออกจากพรรคก้าวไกลแล้ว แต่ยังไม่มีการตั้งกรรมการทางวินัยขึ้นมาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน ตนคงต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นทางการเมือง ตนไม่รู้ ไม่ทราบจริงๆ ตนแค่ต้องการทำงานในจังหวัดให้เคลียร์ ไม่ทราบว่าเขามีความสนิทกับใคร หรือกรรมการบริหารท่านใดที่ดูแลพื้นที่ในภาคตะวันออก
     
  "ผมไม่รู้ว่าเหยียบเท้ากรรมการบริหารแรงขนาดไหน การทุจริตไม่ว่าหน่วยงานไหน ต่อให้จะเป็นแค่ผู้ช่วยส.ส.ก็ควรจะมีการสอบสวน และตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เพราะเวลาผ่านมากว่าสี่เดือนแล้ว ไม่สามารถที่จะรอให้เป็นกระแสแล้วค่อยมาทำ ค่อยมาบอกว่าจะตั้งกรรมการวินัย ไม่ควรละเลยเรื่องทุจริต และไม่ควรพูดแบบนั้น เลิกปฏิเสธว่า ผู้ช่วยท่านนี้ไม่ใช่ผู้ช่วย เพราะหลักฐานขอผมชี้ให้เห็นว่า มีความสนิทตั้งแต่ร่วมกันทำงานในพรรคอนาคตใหม่ ผมไม่ต้องการให้มีการปฏิเสธเช่นนี้"นายวุฒิพงศ์ กล่าว
    
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวุฒิพงศ์ ยังได้นำภาพโปรโมทกิจกรรม สุราก้าวหน้า >> เรื่อง เหล้า ชาวปราจีน ที่จัดขึ้นในวันที่ 16 ก.ย. แต่ไม่มีตัวเองปรากฏในภาพ และชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์เริ่มคลุกกรุ่นตั้งแต่ช่วงนั้น
    
 จากนั้น ได้กล่าวอีกว่า  แต่มาในวันที่ 17 ก.ย. ผู้ช่วย ส คนนี้ ยังได้พาผู้ที่กล่าวหาตนในกรณีคุกคามทางเพศเข้ามา โดยพรรคใช้เวลาเพียงสัปดาห์เศษ ในการตั้งข้อกล่าว และตั้งกรรมการวินัย ก็ได้มีการออกมาให้สัมภาษณ์ว่า กรรมการฯชุดนี้เป็นสัดส่วนของกรรมการบริหารคนนอก แต่ตนยืนยันว่าเป็นคนที่ภายใน สุดท้าตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันที่ 10 พ.ย. ที่ตนได้เข้าไปชี้แจง พรรคก็ได้มีการแถลง และมติขับตนออกจากพรรค
      
 "ตั้งเอง ชงเอง แถลงเอง ออกมาตีเอง ผมไม่ขอความเป็นธรรมใดๆ ที่จะอุทธรณ์ ตนจำเป็นต้องออกมาพูด เพื่อหยุดข่าวพวกนี้ และต้องการทำงานต่อ จึงขอพื้นที่ตรงนี้ เพราะไม่อยากให้มีกระบวนการเช่นนี้ กับเพื่อนสมาชิกที่ยังไม่รู้ข้อมูลทั้งหมด ผมนิ่งมาสักพักแล้ว ก็ยังโดนตีอยู่ คุยด้วยเหตุผลตรงไปตรงมาดีกว่า" นายวุฒิพงศ์ กล่าว 
    
 ด้าน น.ส.อารีวรรณ จตุทอง กรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน (กตป.) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีการคุกคามทางเพศ ว่า ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเป็นประเด็นที่อ่อนไหว โดยสังคมไทยในปัจจุบันนี้ยังไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก ทั้งการคุกคามทางเพศด้วยพฤติกรรมการแสดงออก และการพูดจา จึงเกิดการละเลย และก่อให้เกิดการคุกคามทางเพศโดยที่ผู้กระทำผิดไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวแต่มองว่าเป็นเพียงเรื่องปกติ อาจเป็นเพราะถูกหล่อหลอมในสภาพแวดล้อมรอบตัวในแบบนั้น ทั้งนี้การคุกคามทางเพศนั้นสามารถเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ แต่ที่ผ่านมา สังคมให้ความสำคัญมีเพียงการคุกคามทางเพศรูปแบบการข่มขืนอนาจาร
    
 น.ส.อารีวรรณ กล่าวว่า โทษทางกฎหมายของการคุกคามทางเพศ มาตรา 397 แม้ว่ากฎหมายจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อปี 2558 แต่ยังคงมองว่าบทลงโทษ ปรับหนึ่งหมื่นบาทและการจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนนั้น อาจไม่ส่งผลให้คนบางกลุ่มในไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่ร่ำรวยและอำนาจ จะให้ความเคารพต่อกฎหมายอย่างจริงจัง ซึ่งสังคมไทยในขณะนี้ การอบรมปลูกฝังของบุคคลบางรายอาจผิดวิสัยจากปกติ ประกอบกับยุคสมัยปัจจุบันที่มีสื่อสังคมโซเชียลที่เปิดโอกาสให้ประชาชนติดต่อหากันและเข้าถึงสื่อง่ายมากขึ้น ทำให้เกิดการใช้สื่อเทคโนโลยีคุกคามทางเพศผ่านโซเชียลมีเดียจำนวนมาก ซึ่งทำให้ผู้ถูกคุกคามทางเพศเกิดความอับอาย เกิดความเสียหาย แต่ไม่สามารถบอกกล่าวหรือหาทางรับมือได้อย่างถูกวิธี
     
"อยากเห็นการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งที่สำคัญ และไม่ควรปล่อยให้การกระทำที่ผิดกลายเป็นสิ่งปกติอีกต่อไป โดยการรับมือกรณีถูกคุกคามทางเพศ จากผู้กระทำที่มีสถานะอยู่เหนือกว่าผู้ถูกกระทำ สิ่งแรกที่ควรกระทำที่ออกมาปกป้องสิทธิของตนเอง ซึ่งหากไม่ปกป้องตนเองก็จะเป็นการปล่อยให้ผู้กระทำผิดย่ามใจ และยังคงไร้ความเคารพต่อสิทธิมนุษยชน และไม่เคารพต่อกฎหมาย ยังคงอยู่ในสังคมโดยไร้ความรู้สึกผิด และไม่ได้การรับโทษอย่างที่ควรได้รับ ซึ่งในปัจจุบันนี้กรณีคุกคามทางเพศมีหลายช่องทางให้เรียกร้อง อาทิ การแจ้งความดำเนินคดี แจ้งหน่วยงานองค์กรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจเป็นต้นสังกัดของผู้กระทำผิด และหน่วยงานภาครัฐต่างๆ เป็นต้น ซึ่งทุกเพศมีสิทธิตกเป็นเหยื่อหรือถูกคุกคามทางเพศได้และย่อมมีสิทธิได้รับการขอโทษและชดเชยเยียวยาจากการถูกกระทำดังกล่าว" 
     
น.ส.อารีวรรณ กล่าวต่อว่า ส่วนพรรคการเมืองที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ มองว่าพรรคการเมืองคือสถาบันทางสังคมรูปแบบหนึ่ง และเป็นที่ชี้นำทางสังคม ดังนั้นจึงต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจนและตระหนักต่อปัญหานี้อย่างจริงจัง รวมถึงต้องจัดการภายในพรรคอย่างเร่งด่วน นั้นคือ หากสมาชิกพรรคมีปัญหา ก็จะต้องจัดการให้ชัดเจนมากที่สุด มิฉะนั้นความผิดจะย้อนกลับมาสู่กระบวนการกลั่นกรองของพรรคนั้นเองว่า ได้กลั่นกรองบุคคลที่เป็นสมาชิกอย่างไร กลั่นกรองบุคคลที่จะลงรับสมัครเป็น สส. ในนามพรรคของตนอย่างไร โดยควรต้องมีหลักเกณฑ์ที่พิจารณาอย่างละเอียดกว่านี้หรือไม่
    
 ผู้สื่อข่าวถามถึงการลาออกหรือขับออกของบุคคลรายดังกล่าว  น.ส.อารีวรรณ กล่าวว่า การลาออกคือการแสดงสปิริตของแต่ละบุคคล เช่นก่อนหน้านี้ ที่มีส.ส.บัญชีรายชื่อลาออกหลังเมาแล้วขับ ส่วนการขับออกเป็นเรื่องของพรรคการเมืองเอง ควรต้องมีการประชุมและตัดสินว่าบุคคลนั้นสมควรเป็นสมาชิกต่อหรือไม่ หากยังคงอยู่ต่อจะส่อให้เห็นถึงอุดมการณ์ร่วมกันในเชิงเดียวกันทั้งหมดได้ และสะท้อนถึงหลักคิดของกลุ่มด้วยเช่นกัน  ดังนั้นการขับออกหากมองว่าบุคคลรายนั้นไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในกลุ่มเดียวกันก็ให้ขับออก แต่หากมองว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่สลักสำคัญก็อาจจะไม่ขับออก การตัดสินใจจะสะท้อนถึงวิธีคิดที่เป็นตัวบ่งบอกว่าเป็นพรรคมองปัญหานี้อย่างไร ในส่วนของผู้เสียหายทั้ง 3 ราย ที่ออกมาปกป้องสิทธิของตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง  เพื่อไม่ก่อให้เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำอีกต่อไป ดังนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมกันสร้างสังคมที่ปลอดภัยร่วมกัน
 
วันเดียวกัน ที่สำนักคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยลงโทษ 2 ส.ส.ของพรรคก้าวไกล กรณีที่พรรคก้าวไกลได้ประชุม ส.ส.ร่วมกับกรรมการบริหารพรรค ซึ่งได้มีมติลงโทษ ส.ส.ของพรรคที่ถูกกล่าวหาว่าคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ 2 คน คือ ส.ส.ปราจีนบุรี และส.ส.กทม. ฝั่งธนบุรีนั้น เข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ 
    
 ทั้งนี้ เนื่องจาก 2 ส.ส.ของพรรคก้าวไกลถูกผู้เสียหายร้องเรียนไปยังพรรคก้าวไกลว่ามีพฤติการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ จนในที่สุดคณะกรรมการบริหารและส.ส.ของพรรคได้ประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา และมีข้อสรุปว่าส.ส.ทั้ง 2 คน ที่ถูกร้องเรียนมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง ขัดต่อวินัยพรรคขั้นร้ายแรง จึงมีมติขับส.ส.ปราจีนบุรี ออกจากสมาชิกพรรค ส่วนส.ส.ฝั่งธนบุรีให้ตัดสิทธิ์พึงมีทั้งหมด และคาดโทษไปตลอดสมัยประชุมนี้ หากมีพฤติกรรมใดๆ เข้าข่ายคุกคามจะต้องให้พ้นจากสมาชิกพรรค เพื่อให้มีการยอมรับผิดและขอโทษจากการกระทำ หาก สส.รายดังกล่าวยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิด ไม่ยินดีขอโทษหรือชดใช้เยียวยาความผิด ที่ประชุมร่วมฯ จะมีมติกันใหม่ เพื่อมีมติขับออกจากสมาชิกพรรค 
    
 มติของพรรคก้าวไกลทั้ง 2 กรณีเป็นหลักฐานยืนยันว่า 2 ส.ส.ที่ถูกกล่าวหามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศจริง อันถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯอย่างร้ายแรง ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.219 กำหนดให้มีมาตรฐานจริยธรรมฯไว้คอยกำกับ ควบคุม ดูแล และลงโทษเหล่านักการเมืองไว้ โดยเฉพาะในข้อ 20 ที่ระบุว่า ส.ส.ต้องไม่กระทําการอันมีลักษณะเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ จนเป็นเหตุทําให้ผู้ถูกกระทําได้รับความเดือดร้อนเสียหายหรือกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ โดยผู้ถูกกระทําอยู่ในภาวะจําต้องยอมรับในการกระทํานั้น ซึ่งองค์กรอิสระที่มีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนและวินิจฉัยลงโทษนักการเมืองที่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ที่มีผลงานทางด้านนี้มากที่สุดคือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
    
 ด้วยเหตุดังกล่าวองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนและมีความเห็นว่าการกระทำของ สส.ทั้ง 2 คนของพรรคก้าวไกล ถือได้ว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯอย่างร้ายแรงหรือไม่ หากวินิจฉัยว่าฝ่าฝืนจะได้ส่งให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาเพื่อพิพากษาเพิกถอนตำแหน่ง สส.และตัดสิทธิ์ทางการเมืองตามครรลองของกฎหมาย เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างของสังคมต่อไป
    
 ส.ส.บางคนถูกขับออกจากสมาชิกพรรคด้วยเหตุเช่นนี้ หากพรรคการเมืองใดรับเข้าเป็นสมาชิก อาจถูกร้องเรียนให้ยุบพรรคได้ เพราะอาจขัดต่อข้อบังคับพรรคและขัดต่อ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560