หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ยืนหยัดฟันฝ่า ทุกอุปสรรค ทุ่มเท ทำงานรับใช้สังคม นำเสนอความจริง ผลงานก้าวสู่ปีที่ 74 เป็นเครื่องพิสูจน์...*...

ตลอดหลายวันนี้มานี้ กระแส “ยุบสภาฯ” ดังกระหึ่มในโลกโซเชียล หลังจากที่ เกิดศึก “หักเหลี่ยมเฉือนคม” กันในที่ประชุมรัฐสภา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว  ทำให้วาระการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ เดินหน้าต่อไปไม่ได้  ทำให้ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ออกโรงจี้ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจเด็ดขาด ประกาศ “ยุบสภาฯ” กันไปเลย ไหนๆก็คุม “พรรคร่วมรัฐบาล” กันไม่อยู่...*... 

จะว่าไปเรื่องคุมเสียงในสภาฯ ทุกคนก็น่าจะรู้ดีว่าคนที่คุมเสียง บริหารจัดการตัวจริง คือ “เจ้าของบ้านจันทร์ส่องหล้า” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯคนที่ 23 ในเมื่อ “พ่อ” ยังไม่สั่ง แล้ว “ลูก” จะเคลื่อนไหวได้อย่างไร ...*...

 อย่าลืมว่าการท้าทายให้ “นายกฯ” ประกาศ “ยุบสภาฯ”  เป็นเรื่องที่ “พูดง่าย” แต่ “ทำยาก” เพราะยุบสภาฯ เลือกตั้งใหม่กันขึ้นมา ถามว่า “ใครจะพร้อม” แม้แต่ “หัวหน้าพรรคประชาชน” เองยิ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องบอกว่า ไม่พร้อมจะลงสนามไปรบกับใครทั้งนั้น ...*...

 ล่าสุด “คดี 44 อดีต สส.ก้าวไกล” เริ่มขยับ พา “พรรคส้ม” เข้าใกล้ “แดนสังหาร” เมื่อ “คณะกรรมการ ป.ป.ช.” ส่งหนังสือถึง แจ้ง “ข้อกล่าวหา”  พร้อมทั้งเชิญผู้ถูกกล่าวหามารับชี้แจงคดีฝ่าฝืนจริยธรรม จากการร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กันแล้วราว 6 ราย และจากนี้จะทยอยส่งหนังสือเพิ่มเติมจนครบ ...*...

เท่ากับว่าเวลานี้คดี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล กำลังจะกลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ทางการเมือง เพราะหาก ป.ป.ช.ชี้มูลขึ้นมาจะส่งผลกระทบไปถึง “พรรคประชาชน” ว่าจะเหลือ สส.ในพรรคกันกี่คนจากนั้นเกมต่อไป คือการจับตาไปที่เกมการเมืองในสภาฯ เมื่อ “ตัวเลข สส.” ในสภาฯ เปลี่ยน การที่รัฐบาล จะมี “เสียงข้างมาก”  คงไม่จำเป็นต้องเกินกว่า 300 เสียงเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป ...*...

ดังนั้นการพูดถึงเรื่อง “ยุบสภาฯ” หรือเสียงเรียกร้องให้ “ยุบสภาฯ” ย่อมไม่สำคัญไปกว่าการเปิดโหมดเข้าสู่การขยับ ให้ “ปรับ ครม.”  แทนที่ “ตัวเลข สส.” ในสภาฯ อันเป็นผลมาจาก “คดี 44 สส.ก้าวไกล” บรรยากาศการเมืองวันนี้ ต้องบอกว่า ร้อนๆหนาวๆไปตามๆกัน ถ้วนหน้า ...*...

จากการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญรัฐธรรมนูญ ไปสู่ปฏิบัติการเปิดศึก ขย้ำ “ภูมิใจไทย” เมื่อ “พรรคสีน้ำเงิน” ออกฤทธิ์ขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนทำให้ “พรรคเพื่อไทย” ควันออกหู แถมยังมี “สว.สายสีน้ำเงิน” ที่อยู่ในเครือข่าย ตั้งท่า ตั้งป้อม “ไม่เอาด้วย” เพราะหาก “สว.” ไม่ยอมยกมือโหวตผ่านในวาระแรก รับหลักการ ด้วยเสียง “ 67 สว.” เท่ากับว่าการผลักดัน “รื้อรัฐธรรมนูญฉบับ คสช.” แทบมองไม่เห็นทาง ...*...

การเอาคืน “พรรคภูมิใจไทย” จั่วหัวกันเอาไว้ด้วยความดุเดือด เมื่อ “ธนดล สุวัณณะฤทธิ์” คณะที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ กำลังทำการตรวจสอบการนำที่ดิน ส.ป.ก.ไปออกโฉนดที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย พัวพันมาถึง “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เพราะที่ดินดังกล่าว คือสนามกอล์ฟที่ปากช่อง จ.นครราชสีมา ของครอบครัว “เสี่ยหนู” แต่งานนี้เจ้าตัวยืนยันว่าได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย จับตากันต่อไปว่า ปฏิบัติการเอาคืน “ภูมิใจไทย” จะลากยาวยืดเยื้อ จนกลายเป็น “เหตุ” ให้ “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” เดินมาสุดทางรักแล้วหรือไม่ ? ...*...

ที่มา:พันแสง (17/2/68)