สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ …*…
ถึงวันนี้มีความเป็นไปได้สูงยิ่งที่โครงการใช้งบประมาณมหาศาล 5.6 แสนล้านบาทเพื่อแจกจ่ายดิจิทัลวอลเล็ตวงเวิน 1 หมื่นบาทให้แก่ทุุกคนไทยที่มีอายุเกิน 16 ปี จะ “ไม่ตรงปก”ผิดแผกแตกต่างจากนโยบายที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ …*…
หลังนายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้ยอมรับในวงสัมมนา “นานาทัศนะกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท : เป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้ความท้าทายและพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไปของประเทศ”ว่า โครงการนี้มีหลายอย่างที่ต้องมีการปรับเปลี่ยน เช่นการให้สิทธิประชาชน 56 ล้านคน หลายฝ่ายเห็นว่าไม่ควรแจกคนรวย เพราะการให้เงินคนรวยไม่ได้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากคนรวยจะเอาเงินในส่วนนี้ทดแทนค่าใช้จ่าย และเก็บเงินของตัวเองไว้แทน แต่ถ้าให้คนที่พอมี จะสามารถนำไปใช้หนี้ ดังนั้นตัวเลขประชาชนที่ได้สิทธิจะเหลือ 40 กว่าล้านคน …*…
“งบประมาณดังกล่าวจะมีความล่าช้า ไม่น่าจะทันในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 แต่จะสามารถใช้ได้ในช่วงเดือนกันยายนแทน ส่วนเงื่อนไขที่จะใช้เงินได้ในระยะ 4 กม. นั้นคงไม่มีแล้ว แต่จะให้อยู่ในอำเภอหรือเขตเดียวกัน เพื่อให้เกิดการกระจายอย่างทั่วถึง วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ทั้งข้างบน ข้างล่าง ตรงกลาง กรอบหมดแล้ว ไม่สามารถจะกู้เพิ่ม รายได้ก็ไม่มี เพราะฉะนั้นโครงการนี้จึงจำเป็น ช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่น ความคึกคัก” นายพิชัยให้ข้อมูลพร้อมกับระบุด้วยว่ารัฐจำเป็นต้องแจกเป็นเงินดิจิทัลเพื่อบังคับให้มีการใช้จ่าย ส่วนคนที่จะมาขึ้นเงินก็ต้องลงทะเบียนและเสียภาษีด้วย ทั้งนี้การแจกเงินอาจจะได้ไม่พร้อมกัน และอาจจะได้ใช้เงินในช่วงที่มีวันหยุด เช่นปีใหม่ หรือสงกรานต์ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว และเชื่อว่า 90% น่าจะกลับไปใช้ แอปพลิเคชัน เป๋าตังค์ เนื่องจากมองว่า การพัฒนาระบบขึ้นมาใหม่ต้องใช้เวลานานและยุ่งยาก …*…
ตามติดมาด้วยความเห็นจากศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีคลังใต้ร่มพรรคเพื่อไทยว่า เรื่องนี้เป็นนโยบายที่รัฐบาลหาเสียงไว้ ประกอบกับเศรษฐกิจไทยปีนี้โตต่ำเกินไป 2.7% รัฐบาลอาจจัดขนาดการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เหมาะสมประมาณ 40 ล้านคน (ที่ลงทะเบียนยืนยันตัวตนของแอป เป๋าตัง ไว้แล้ว) อีก 16 ล้านคน เป็นคนมีเงินอยู่แล้ว เอาเงินให้ก็คงไม่ใช้ ไม่ช่วยกระตุ้นศก. ดังนั้นเงิน 4 แสนล้านบาท น่าจะฟื้นเศรฐกิจระยะสั้นได้ และเป็นการกระจายรายได้ด้วย …*…
อดีตรัฐมนตรีคลังชี้ว่าควรเขียนข้อกำกับให้ประชาชนเอาเงินนี้ไปใช้เพื่อการลงทุนมากขึ้น และอนุญาตให้นำเงินไปชำระหนี้ได้ เพื่อจะเป็นการลดหนี้ภาคครัวเรือน รวมถึงเจ้าหนี้ก็สามารถนำเงินไปลงทุนที่อื่นได้ …*…
ส่วนเรื่องแหล่งที่มาของเงินเพื่อใช้ในโครงการนี้นั้น ศ.ดร.สุชาติมองว่าในด้านวินัยการคลัง รัฐบาลเป็นหนี้ 61.5% ของ GDP จึงยังมีโอกาสที่รัฐบาลจะกู้มาลงทุนได้อีกมาก ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องวินัยการคลัง และปัญหาเครดิตของประเทศ เหตุที่มีการออกมาเสนอแนะกันมากใน 2 เรื่องนี้ เพราะรัฐบาลยังไม่ชัดเจนเรื่องแหล่งที่มาของเงิน จึงขอเสนอแนะให้รัฐบาลออก พรก.กู้เงิน 3 แสนล้านบาท ใช้เงินคงคลังและปรับลดงบประมาณที่ฟุ่มเฟือยลงไปอีกกว่า 1 แสนล้าน ปัญหาเรื่องความไม่เชื่อมั่นก็จะหมดไป ตลาดทุนก็จะไม่มีปัญหาเรื่องนี้ …*…
“เรื่องระบบที่จะใช้ ขอเสนอให้ใช้แอป เป๋าตัง เพราะทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ขจัดปัญหาเรื่องค่าจ้าง ค่าคอมมิชชั่น หากจะทำ Blockchain กำกับ ก็ทำที่ระบบตรวจสอบ 5-10 Nodes ก็เพียงพอ เพราะหากมี Nodes มากเกินไป ระบบจะช้ามากไม่สามารถทำงานได้”คำแนะนำจากอดีตรัฐมนตรีคลัง …*…
แม้อีกด้านหนึ่งจะมีคำยืนยันจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีพาณิชย์ ว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่มีข้อยุติถึงแนวทางการดำเนินการโครงการแจกดิจิทัล วอลเล็ต และหน้าที่ของรัฐบาลคือจะต้องยึดวัตถุประสงค์ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ส่วนความไม่สบายใจหรือความเห็นที่แตกต่างนั้น เราก็จะรับฟัง แต่ยังไม่มีความคิดใดที่จะมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด สิ่งที่จะเกิดขึ้นขอให้รับฟังจากนายกรัฐมนตรี โดยจะมีการแถลงอย่างชัดเจนในภายหลัง ...*...
กระนั้น ในฟากนักวิชาการที่หวั่นเกรงถึงผลกระทบและปัญหาจากโครงการนี้ ก็ยังคงออกมาย้ำเตือนอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ล่าสุด รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีข้อความบางช่วงบางตอนว่า หากในที่สุด นายกรัฐมนตรียังคงดึงดันที่จะดำเนินนโยบายดิจิทัล วอลเล็ตต่อไปแบบเดิมทุกประการ คงไม่ใช่เป็นเพียงเพราะต้องการทำให้ได้ตามที่หาเสียงไว้เท่านั้นเสียแล้ว แต่น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น เพราะขนาดมีนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำของประเทศ 100 คน รวมถึงอดีตผู้ว่าและอดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหลายคน ออกมาคัดค้านพร้อมด้วยเหตุผลที่ควรต้องรับฟัง แต่รัฐบาลก็ยังคงดึงดันต่อไป เรื่องนี้ในที่สุดจะทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ ...*...
ต้องรอดูกันต่อไปในที่สุดแล้ว โครงการนี้จะแค่ “ไม่ตรงปก” หรือ “ล่มตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่ม” ...*...
ที่มา:เจ้าพระยา (2/11/66)