ปัจจุบันมีวิธีการรักษาผู้ป่วยมะเร็งที่ได้ผลดีกว่าสมัยก่อน เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยมะเร็งสามารถใช้ชีวิตประจำได้อย่างปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งตับ ที่เป็นมะเร็งที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ โดยบทความนี้จะมาสรุปวิธีง่าย ๆ เกี่ยวกับการเตรียมตัว ก่อนที่ผู้ป่วยจะเข้ารับการทำคีโมมะเร็งตับ ว่าจะมีขั้นตอนอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลย
การเตรียมตัวก่อนการทำเคมีบำบัดหรือคีโมมะเร็งตับ
แม้ว่าการทำคีโมอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและอาจเกิดผลข้างเคียงหลังการรับเคมีบำบัดนี้ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในหนทางการเผชิญหน้ากับมะเร็งตับที่เพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยได้ใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีความสุขมากขึ้น โดยการเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการรักษา จะช่วยลดผลกระทบด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจเบื้องต้นได้ด้วย โดยขอแนะนำสำหรับการเตรียมตัวก่อนการทำเคมีบำบัดหรือคีโม (Cjemotherapy) มีดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา แอลกอฮอล์ ของมึนเมาทุกชนิด
- หลีกเลี่ยงการรับประทานของหมักดอง ของดิบ รวมไปถึงการสูบบุหรี่
- เลือกรับประทานอาหารที่หลากหลายและครบ 5 หมู่ โดยแนะนำให้เน้นการรับประทานโปรตีน เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
ขั้นตอนการทำเคมีบำบัดหรือคีโมมะเร็งตับ
- แพทย์จะทำการสอบถามประวัติผู้ป่วย
- ตรวจภาพรังสีเพื่อดูระยะของโรคก่อนให้ยา
- ตรวจปัสสาวะ ตรวจดูค่าการทำงานของตับ ตรวจเลือดดู ค่าความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดและการทำงานของอวัยวะที่เกี่ยวข้อง
- ยาคีโมมะเร็งตับบางชนิดอาจจะจำเป็นต้องตรวจการทำงานของหัวใจก่อน
- แจ้งและพูดคุยกับผู้ป่วยเกี่ยวกับแผนการรักษา รวมไปถึงข้อดีและข้อเสีย ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อประกอบการตัดสินใจของผู้ป่วย
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องรู้คือ การทำเคมีบำบัดจะต้องมีการวางแผนการรักษาล่วงหน้าตามขั้น และระยะของโรค เพื่อช่วยให้การรักษาดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
วัตถุประสงค์ของการทำคีโมมะเร็งตับ
การให้คีโมจะมุ่งไปทำลายเซลล์มะเร็งที่มองไม่เห็น ที่หลงเหลืออยู่หลังจากผ่าตัดหรือการฉายแสง เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้เซลล์มะเร็งตับหายขาดหรือป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ โดยเฉพาะมะเร็งที่อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือผ่าออกได้ไม่หมด และหากเป็นในกรณีที่เป็นมะเร็งระยะแพร่กระจาย การทำคีโมอาจช่วยลดปริมาณเซลล์มะเร็ง เพื่อให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้น และช่วยให้มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นกว่าเดิม
เห็นได้ชัดเลยว่าในปัจจุบันการพัฒนาคีโมมีความก้าวหน้ามากขึ้น มีผลข้างเคียงน้อยลงกว่าแต่ก่อน และมีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งตับมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามการทำความเข้าใจถึงผลข้างเคียงเพื่อเตรียมตัวรับมือ ก็จะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้ผู้ป่วยเข้าใจกับอาการของร่างกายตัวเองมากขึ้น และหากมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรงเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยเอง