วันนี้ (24 ต.ค.66) เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานเลขาธิการแพทยสภา กระทรวงสาธารณสุข นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้เดินทางมายื่นคำร้องกล่าวโทษแพทย์ผู้วินิจฉัยและรักษา นช.ทักษิณ จาก รพ.ราชทัณฑ์ และ รพ.ตำรวจ กรณีทำความเห็นทางการแพทย์เอื้อประโยชน์ให้นักโทษเด็ดขาดชายรายดังกล่าวไม่ต้องถูกขังคุก โดยใช้วิชาชีพเวชกรรมมาเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรม ทำให้กระบวนการยุติธรรมเสื่อมเสียอย่างรุนแรงหรือไม่
         

ทั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาเด็ดขาดในคดีทุจริต 3 คดีที่อยู่ในการควบคุมของเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.66 แต่ยังไม่ทันข้ามคืน ก็ถูกส่งตัวไปพักรักษาที่ห้องสูท ชั้น 14 ที่โรงพยาบาลตำรวจโดยอ้างความเห็นของแพทย์ว่าไม่มีเครื่องมือรักษาที่ครบถ้วนเพียงพอ ทั้งๆที่การป่วยดังกล่าวไม่เข้าข่ายการส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำตาม ม.55 ของพรบ.ราชทัณฑ์ 2560 แต่อย่างใด
             

กระทั่ง เมื่อนอนพักสบาย ๆ ครบ 30 วัน ก็อ้างความเห็นของแพทย์ว่า นช.ทักษิณ ต้องทำการผ่าตัด ทำให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ต้องลงนามให้อยู่รักษาตัวต่อที่ รพ.ตำรวจ กระทั่งเมื่อจะครบกำหนดการนอนพักในห้องสูทครบ 60 วันตามกฎกระทรวง ก็มีการสร้างภาพนำ นช.ที่คล้ายทักษิณ นอนมาในเตียงรถเข็ญเพื่อไปทำซีทีแสกน ณ ตึก ภปร. โดยมีแพทย์และพยาบาลมาร่วมเข้าฉากส่งตัวด้วย อันมีข้อพิรุธให้จับได้หลายประการ ทั้งหารไม่ปิดบังตัว การไม่มีสายการให้น้ำเกลือ การไม่ใช้เตียงขนย้ายผู้ป่วยเป็นการเฉพาะ แต่กลับเป็นตียงคนไข้ทั่วไปแทน  
               

ต่อมาอธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็เห็นชอบให้ นช.ทักษิณได้นอนในห้องสูทหรูต่อไปอีก โดยอ้างว่าเป็นไปตามความเห็นแพทย์ ซึ่งถูกสังคมไทยวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า มีความพยายามที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับนักโทษรายดังกล่าวหรือไม่ นักโทษคนดังกล่าวป่วยจริงหรือไม่ หากป่วยจริงทำไมต้องใช้ระยะเวลานานเยี่ยงนั้น แพทย์ไม่มีศักยภาพในการรักษาแล้วหรือไม่ และเมื่อใกล้ครบกำหนดระยะเวลา 30 วัน 60 วัน 90 วันตามเงื่อนไขในกฎกระทรวง ก็จะออกมาสร้างภาพ สร้างข้อมูลอันเป็นจริงหรือเท็จไม่มีใครรู้ได้ เพื่อขอขยายระยะเวลาอยู่ต่อหรือไม่ โดยนำแพทย์พยาบาลมาเป็นผู้ให้ข่าว หรือร่วมยืนอยู่ในเฟรมภาพเพื่อให้สมจริง จะได้มีน้ำหนักในการทำความเห็นส่งมายังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ใช่หรือไม่
                 

กรณีดังกล่าวต้องมุ่งเป้าตรวจสอบไปที่แพทย์ผู้รักษานักโทษตาม ม.31-42 แห่ง พรบ.วิชาชีพเวชกรรม 2525 ซึ่งการสมรู้ร่วมคิดในการกระทำดังกล่าวอาจประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมได้ องค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน จึงต้องมายื่นคำร้องกล่าวโทษต่อแพทยสภา เพื่อให้อนุกรรมการจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรมทำการตรวจสอบตามข้อบังคับแพทยสภา ว่าด้วยวิธีพิจารณาจริยธรรมผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2563 และข้อบังคับอื่นที่เกี่ยวข้อง และหากพบว่ามีส่วนสมรู้ร่วมคิดกันเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ นช.ทักษิณ จักได้สั่งเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด