GBS ประเมินหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนจากความวิตกเกี่ยวกับการสู้รบในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์อาจขยายวงกว้าง ล่าสุด เจพีมอร์แกน เชส เตือนปัญหาสงครามที่เกิดขึ้นในขณะนี้ทำให้เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงอันตรายที่สุดในรอบหลายสิบปี จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ 1,400-1,450 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์แนะลงทุนใน 5 หุ้นเด่น IAA Consensus ได้แก่ ADVANC-AOT-BBL-CPALL-SCB

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวผันผวน โดยมีแรงกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการสู้รบในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์อาจขยายวงกว้าง ล่าสุดทางเจพีมอร์แกน เชส เตือนว่าสถานการณ์ในขณะนี้อาจทำให้เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดในรอบหลายสิบปี ไม่ว่าจะเป็นสงครามในยูเครนที่ยังคงดำเนินอยู่ รวมทั้งการที่กลุ่มฮามาสก่อเหตุโจมตีอิสราเอล  อาจส่งผลกระทบต่อตลาดพลังงาน ตลาดอาหาร การค้าโลก และความสัมพันธ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 63 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. โดยลดลงจากระดับ 68.1 ในเดือนก.ย. และยังลดลงมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งคาดว่าจะขยับลงแตะ 67.4 ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจเอเชีย IMF คาดการณ์ว่าวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของเอเชียที่เคยเติบโตเร็วให้ชะลอตัว ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนี 1,400-1,450 จุด

ด้านทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่พุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.8% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.7% ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักในการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปี 2566 โดยอาจเกิดขึ้นในการประชุมเดือนพ.ย.หรือธ.ค.นี้

ส่วนฟันด์โฟลโดยรวมยังไหลออกเห็นได้จากรายงานของ ตลท. เกี่ยวกับมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-12 ตุลาคม 2566 แยกเป็นสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 56,848.89 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 7.84 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 163,170.99 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 106,329.95 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจับตาในประเทศที่จะมีผลกับตลาดหุ้นไทย อาทิ วันที่ 18 ต.ค. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ภายใน 21 ต.ค. หุ้นกลุ่มธนาคารส่งงบการเงินงวด 3Q66 วันที่ 25 ต.ค. กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ  สัปดาห์ที่ 4 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค และดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม และปัจจัยต่างประเทศ อาทิ วันนี้ 17 ต.ค. อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนต.ค. สหรัฐ รายงานยอดค้าปลีกเดือนก.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค. วันที่ 18 ต.ค. จีน รายงานตัวลข GDP ไตรมาส 3/2566 การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. อียู รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนก.ย. สหรัฐ รายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ (เช้าวันที่ 19 ต.ค.) รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนใน 5 หุ้นเด่น IAA Consensus ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในระยะยาว ได้แก่ ADVANC, AOT, BDMS,  CPALL และ TOP และหุ้นพลังงานที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลกจากความกังวลในสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส (Hamas) หรือองค์กรการเมืองติดอาวุธของชาวปาเลสไตน์  ได้แก่ PTTEP, SPRC, BCP และ ESSO

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินภาพรวมทองคำสัปดาห์นี้นักลงทุนจับตาความรุนแรงของสงครามและยอดค้าปลีกสหรัฐ ซึ่งคาดว่าความรุนแรงของสงครามจะลดลง อีกทั้งเศรษฐกิจของสหรัฐอาจแข็งแกร่งต่อเนื่อง

โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าหลังจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงในสัปดาห์ก่อน ทำให้ในสัปดาห์นี้เริ่มพักฐาน จึงมองกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,830-1,890$/oz คำแนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้