นายกฯ ยัน ไม่ได้ปลุกระดมแบ่งแยกประชาชนปมแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท บอกแค่อยากฟังเสียงสะท้อน เชื่อไม่ซ้ำรอยโครงการจำนำข้าว "สมศักดิ์" ยัน"เพื่อไทย" เดินหน้าแจกเงินดิจิทัล ด้าน "จุรินทร์"เตือนนายกฯ อย่าเอาประชาชนเป็นโล่แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 16 ต.ค.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่นายกฯ ระบุให้ประชาชนส่งเสียงสนับสนุน ทำให้มีบางฝ่ายมองเป็นการแบ่งแยกประชาชนหรือไม่ ว่า ไม่ได้เป็นการแบ่งแยก ไม่ได้เป็นการปลุกระดม แต่ให้ออกมาบอกกับตน เพราะตนรับฟังเสียงทุกเสียงเช่น ประชาชนบางคนบอกว่า ระยะทาง 4 กิโลเมตร อย่าว่าแต่ 4 กิโลเมตรเลย มองไปไม่มีร้านเลย ตนก็อยากให้ออกมาแสดงความคิดเห็นด้วยเหมือนกัน
ส่วนเรื่องที่บอกว่าจะใช้เงินข้ามเขตได้ไหม เรื่องระยะเวลาการใช้เงิน 6 เดือน ตนก็อยากรับฟังตรงนี้ จะได้เอาสิ่งที่รับฟังไปปรับแค่หนเดียว แต่ตนยืนยันว่าเป็นนโยบายที่ดี สำหรับที่มางบประมาณที่ใช้ในโครงการนี้จะแถลงแค่รอบเดียวให้จบว่าที่มาที่ไปของเงินมาจากไหน เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านท้วงติงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ไม่อยากให้ซ้ำรอยโครงการรับจำนำข้าว นายกฯ กล่าวว่า ตนรับฟัง เมื่อถามอีกว่า จะทำให้รัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตลอดทุกเรื่องทุกขั้นตอน เรามีคณะทำงาน มีคณะอนุกรรมการ ตนจึงไม่อยากจะพูดอะไร เพราะยังไม่เรียบร้อย เดี๋ยวจะสร้างความไม่เข้า
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรมว.ยุติธรรม ออกมาโจมตีนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต 1 หมื่น จนถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับนายสมศักดิ์ หรือไม่ ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน และไม่ได้พูดคุยกัน ส่วนจะต้องป้องปรามนายสามารถ และไม่ต้องไปป้องปรามอะไร ปัจจุบันไม่ได้อยู่พรรคเดียวกัน เป็นเรื่องสามัญสำนึกของแต่ละคน ที่จะพิจารณาดู
เมื่อถามถึงกรณีผลสำรวจนิดาโพลพบหากพรรคเพื่อไทยไม่ทำนโยบายนี้กระแสความชื่นชอบจะลดลง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า พรรคการเมืองหากคิดนโยบายใดแล้วก็ต้องมั่นใจว่าเป็นเรื่องที่ดี มีการคิดกันอย่างรอบคอบ และไม่ใช่เรื่องคะแนนเสียงอะไรทั้งสิ้นเป็นเรื่องของการบริหารจัดการนโยบายมากกว่า
ด้าน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีนายกฯ ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนออกมาส่งเสียงต่อต้านการคัดค้านการแจกเงินดิจิตอลวอลเล็ตคนละ 10,000 บาท ของรัฐบาล ว่า ถ้าเอาเงินไปแจกส่วนใหญ่ใครก็เอา ไม่ต้องไปถามหรือไปส่งเสียงให้เขาออกมาหนุนหรอก แต่ต้องบอกด้วยว่าเงินที่จะเอาไปแจก เป็นเงินของประเทศ เป็นเงินที่ประชาชนจะต้องแบกรับภาระร่วมกันในอนาคต ไม่ใช่เงินส่วนตัวของนายเศรษฐา คนที่เขาเห็นต่างเขาจึงมีสิทธิ์แสดงออก เพราะจะเป็นภาระกับเขาในอนาคตด้วย และประชาชนก็ไม่ได้ออกมาเรียกร้องแต่แรกว่าต้องการเงินหมื่นบาท แต่เป็นเรื่องพรรคการเมืองที่ไปเสนอให้เพื่อแลกกับคะแนนตอนหาเสียง และเมื่อได้เสียงมาแล้วก็จำเป็นต้องทำ แต่ต้องทำบนความรับผิดชอบของพรรคการเมืองนั้นๆที่เป็นต้นคิด รวมทั้งรัฐบาลที่ไปผูกมัดไว้เป็นนโยบายด้วย
"หากเกิดความเสียหายขึ้นในอนาคต จะไปโทษประชาชนหรือโทษคนอื่นไม่ได้ การไปปลุกประชาชนที่เห็นด้วย ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับฝ่ายที่เห็นต่างจึงเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นการปลุกประชาชนออกมาชนกันแล้ว ยังเหมือนไปเอาประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์กำบังความรับผิดชอบประชานิยมในอนาคตให้กับพรรคการเมืองและรัฐบาลด้วย ซึ่งคนมีวุฒิภาวะไม่ควรทำ" นายจุรินทร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการติดตามการแจกเงิน ดิจิตอลของคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ นายจุรินทร์ กล่าวว่า กรรมาธิการมีมติให้เชิญกระทรวงการคลังและผู้แทนของธนาคารแห่งประเทศไทยมาให้ข้อมูลในวันที่ 19 ต.ค. เวลา 09.30 น.
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นสิทธิของพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลจะเดินหน้าหรือถอยหลังในนโยบายที่หาเสียงไว้ระหว่างการเลือกตั้ง เมื่อนายกฯ ตัดสินใจจะเดินหน้า นายกฯ ควรรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน ทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่เห็นต่าง แต่ควรรับฟังคนที่เห็นต่างอย่างจริงจัง เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจให้ละเอียดรอบคอบมากที่สุด ไม่ควรมองคนเห็นต่างเป็นเสียงนกเสียงกา พวกขาประจำ ที่มีอคติออกมาขัดขวางการทำงานตามนโยบายที่หาเสียงไว้ของรัฐบาล เพราะเมื่อพิจารณากลุ่มคนที่ออกมาแสดงความเห็นต่างส่วนมากก็เป็นกลุ่มคนที่ออกมาติติงนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาหลาย ๆ รัฐบาลเช่นกัน ขณะที่บางส่วนยังเป็นกลุ่มคนที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคแกนนำรัฐบาลชุดนี้อีกด้วย ความคิดเห็นของคนเห็นต่างเปรียบเสมือนแสงสว่างนำทาง ทำให้นายกฯ ทำงานด้วยความสุขุมรอบคอบมากยิ่งขึ้น
"นายกฯ ไม่ควรปลุกประชาชนให้สนับสนุนนโยบายด้วยการแสดงออกว่าเห็นด้วยชนกับพวกที่ไม่เห็นด้วย หรือพวกที่เห็นต่าง ถึงแม้ภายหลังคนของรัฐบาลจะออกมาชี้แจงว่านายกฯ ไม่ได้ปลุกให้มาชนกัน แต่ก็เป็นการอ้อนประชาชนเพื่อให้ออกมาให้กำลังใจนายกฯ ให้กำลังใจรัฐบาลมากกว่า แต่นายกฯ ก็ต้องเข้าใจว่าท่าทีการแสดงออกของนายกฯ ที่บอกว่า อ้อนประชาชน กับปลุกประชาชน เป็นเส้นแบ่งบางๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการทำนโยบายให้ประสบผลสำเร็จ และไม่ส่งผลดีต่อความน่าเชื่อถือต่อนายกฯ แต่อย่างใด นายกฯ ควรอดทน อดกลั้น ต่อความเห็นต่าง พร้อมกับอธิบายความสร้างความเข้าใจให้ถึงที่สุด เพื่อนำไปสู่จุดหมายปลายทางที่นายกฯ ตั้งเป้าหมายไว้" นายองอาจ กล่าว