คืนแห่งความหวังหลังโดนระเบิด จมกองเลือดหลบในห้องนาน 1 วัน วันนี้เปิดใจพ่อเลี้ยงเดี่ยว บากหน้าไปขายแรงงานที่ประเทศอิสราเอล ได้ 4 ปี เจอระเบิดจากกลุ่มฮามาสโยนเข้าไปในห้องพัก ต้องนอนจมกองเลือดหลบในหลุมหลบภัยข้ามวันข้ามคืน มีคนเข้าไปช่วยรอดตายราวปาฏิหาริย์ เผยความทรงจำที่เลวร้าย วันนี้เดินทางกลับบ้านที่อุดรโดยปลอดภัย ญาติๆ ผูกแขนเต็มบ้านเรียกรับขวัญ มาเด๊อขวัญเอ๊ย เจ้าตัวกอดแม่ครั้งแรกที่แสนอบอุ่นหลังบากหน้าไปทำงานนานถึง 4 ปี ส่วนแม่เป็นห่วงทั้งน้ำตาลูกชายกลับบ้านรอดตายได้ บนบนปุ่ตาในหมู่บ้าน จากนี้ไปไม่ให้ไปขายแรงานที่อิสราเอลอีกแล้ว
วันนี้ (16 ต.ค.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุกลุ่มฮามาสบุกเข้าไปทางตอนใต้ของในประเทศอิสราเอล มีแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บ ถูกจับไปเป็นตัวประกัน และเสียชีวิต บางคนรอดมาได้แต่ก็บาดเจ็บและต้องหนีสงครามกลับภูมิลำเนา เช่นเดียวกับ นายณัฐพงษ์ ดวงจันทร์ หรือหนุ่ย อายุ 35 ปี ชาวอ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงงานที่รอดตายมาได้ราวปาฏิหาริย์ หลังต้องหลบในหลุมหลบภัยสภาพที่จมกองเลือดไม่กล้าออกจากห้อง ต้องนอนทรมานอยู่ในนั้นนานกว่า 1 วัน หลังกลุ่มฮามาสบุกเข้าไปในโมชาฟ เนติฟฮาซาร่า ทางตอนใต้ของวันที่ 7 ต.ค.66 ที่ผ่านมา
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 260 ม.16 บ้านโนนสะอาด ต.บ้านธาตุ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี โดยนายณัฐพงษ์ หรือ หนุ่ยเดินทางมาถึงบ้านเมื่อเวลา 21.00 น. คืนวานนี้หลังจากพี่สาวและแม่เอารถยนต์ไปรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเดียวกันบรรดาญาติๆ ลุงป้าน้าอาได้ทำพิธีบายศรีสู่ขวัญต้อนรับตามประเพณีของชาวอีสานเรียกขวัญกลับบ้าน หลังผูกด้ายสีขาวบนข้อมือก็ร้องเรียกขวัญ มาเด๊อ ขวัญเอ๊ย เพื่อให้ขวัญของน้องหนุ่ยกลับมาอยุ่กับเนื้อกับตัวหลังจากต้องฝ่าดงปืนและดงระเบิดหนีรอดตายกลับเมืองไทยมาได้ จากนั้นได้ร่วมรับประทานอาหารกัน โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น โดยนายหนุ่ยได้บรรจงโอบกอดแม่และหอมแก้มแม่สุดแสนจะอบอุ่นหลังจากจากบ้านไปไม่ได้อยู่ใกล้แม่นานกว่า 4 ปี
นายนัฐพงษ์ ดวงจันทร์ เปิดเผยว่า ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าดีใจมากที่ได้กลับมายังบ้านเกิดรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ภาพเหตุการณ์เช้าวันเสาร์ที่ตนเองถูกระเบิดยังอยุ่ในความทรงจำไม่เคยลืม ผมอยู่ที่โมชาฟเนติฟฮาซาร่า กลุ่มฮามาสบุกเข้ามาตอนเช้าวันที่ 7 ต.ค.66 ซึ่งเป็นวันหยุด ขณะนอนพักผ่อนในห้องพัก แล้วเสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น แง้มหน้าต่างออกมาก็เห็นคนยิงกัน ขณะกำลังจะไปบังเกอร์หลบภัย ปรากฎว่าเสียงระเบิดตูม ลงข้างๆห้องพอดี เสียงดังตนหูอื้อได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิด โดยสะเก็ดระเบิดถูกที่บริเวณโหนกแก้มและขาซ้ายเลือดไหลออกจำนวนมาก ตั้งสติได้ก็เปิดประตูวิ่งไปหลบที่หลุมหลบภัย ตอนโดนระเบิดก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดเพราะเลือดออกมาก ตอนนั้นตนต้องนอนจมกองเลือดอยู่ในหลุมหลบภัย 1 วัน 1 คืนเต็ม เพราะเมืองถูกปิดและมีการสู้รบกันทั้งวันทั้งคืน ตอนนั้นคิดว่าตัวเองตายแน่ คิดถึงแต่หน้าพ่อหน้าแม่ เจ็บปวดมากเพราะเสียเลือดมากดีที่เพื่อนช่วยซับเลือดช่วงที่หลบในหลุมหลบภัย
วันต่อมา จึงติดต่อพี่แจ่มคนไทยที่อยู่ที่นั่นฝาดงปืนและระเบิดช่วยพาลงส่งรักษาโรงพยาบาล ดีใจที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ที่นั่นโหดร้ายมากคงไม่กลับไปอีกแล้ว และคิดว่ายังมีแรงงานไทยติดอยู่ในโมชาฟเนติฟฯ หลายร้อยคนที่ยังออกมาไม่ได้ สำหรับตนทำงานเกี่ยวกับเกษตร ที่ประเทศอิสราเอล 4 ปี ต่อไปแม้สงครามจบก็ยืนยันว่าจะไม่กลับไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลอีกเพราะว่ากลัว จะหางานทำที่บ้านดีกว่า
ขณะที่นางจันทร์เพ็ญ ดวงใจ อายุ 62 ปี แม่ของหนุ่ย บอกว่า รู้ข่าวจากลูกวันที่ 7 โดยลูกได้ส่งภาพและข้อความมาหาแม่ว่า ลูกถูกสะเก็ดระเบิด เมื่อเห็นแบบนั้นทำอะไรไม่ถูกตกใจมาก คิดไปแต่ต่างๆนานา ว่าลูกจะเป็นแบบนั้นจะเป็นแบบนี้ตนได้แต่ให้ญาติพี่น้องช่วยประสานงานติดต่อให้ว่าลูกมีความเป็นอยู่และปลอดภัยหรือไม่อย่างไร เห็นภาพลูกบาดเจ็บกินไม่ได้นอนไม่หลับจนแน่นหน้าอก เมื่อลูกได้รับการช่วยเหลือก็รู้สึกดีใจ ต้องขอขอบคุณคุณแจ่มที่พาไปส่งโรงพยาบาล ตอนลูกถูกระเบิดก็บนปู่ฟ้าขื่นซึ่งเป็นปู่หลักบ้าน ขอให้ช่วยเหลือลูกหลาน ไปบนปุ่ตอนเช้า ตกบ่ายมาก็ได้รับข่าวว่า มีคนไปช่วยลูกชายแล้ว 4 ปีที่ลูกจากไปทำงานต่างบ้านต่างเมือง ตอนนี้เห็นหน้าเห็นตัวเป็นๆ คงไม่ให้ไปทำงานที่อิสราเอลอีกแล้ว หัวอกแม่พูดไปก็ดีใจเห็นลูกกลับมาบ้านปลอดภัย