บุรีรัมย์ สุดเศร้า เผาแล้ว ร่างหนุ่มแรงงานเหยื่อเหตุสู้รบที่อิสราเอล ภาครัฐเร่งช่วยเหลือครอบครัว
สุดเศร้า เผาศพหนุ่มแรงงานบุรีรัมย์ เหยื่อเหตุสู้รบอิสราเอล ท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัยของครอบครัว รองผู้ว่าฯ กำชับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเร่งประสานเงินสิทธิประโยชน์ช่วยเหลือครอบครัวที่สูญเสีย พร้อมให้ท้องถิ่นดูแลเยียวยาสภาพจิตใจ
เมื่อเวลา 15.00 น. (11 พ.ย.67) บรรยากาศที่วัดบ้านหนองพลวง ต.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ นายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพ นายประหยัด พิลาศรัมย์ อายุ 42 ปี หนึ่งในแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สู้รบที่ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 31 ต.ค.67 ที่ผ่านมา
โดยบรรยากาศภายในงานฌาปนกิจศพ ได้มีนางจีราวรรณ รินทะรึก ประกันสังคมจังหวัดบุรีรัมย์ , นางสาวกิติมา ติรเศรษฐ์เสมา สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดบุรีรัมย์ , ว่าที่ ร.ต. สมชาย ละอองทอง นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ รักษาราชการจัดหางานจ.บุรีรัมย์ , นางชญานิษฐ์ บุตรชารี นักวิชาการพัฒนาฝีมือแรงงานชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 37 บุรีรัมย์ , นายเทิดพันธ์ ครอบทอง นายอำเภอกระสัง ,พ.ต.อ.อัษฏไนย ป้องกัน ผกก.สภ.ลำดวน เจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ และชาวบ้าน มาร่วมพิธีฌาปนกิจศพ และไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของครอบครัว ที่ยังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียเสาหลักและบุคคลอันเป็นที่รัก
สำหรับ นายประหยัด พิลาศรัมย์ อายุ 42 ปี แต่งงานแล้วกับ น.ส.ประไพ บุหงา อายุ 40 ปี มีบุตรด้วยกัน 3 คน เดิมเคยทำอาชีพขับรถสองแถวรับ-ส่งนักเรียน และผู้โดยสารทั่วไป ก็พอเลี้ยงดูครอบครัวได้ แต่พอถึงช่วงสถานการณ์วิกฤตโรคโควิด-19 ระบาด จึงทำให้ขาดรายได้ หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายลง ได้มีคนในหมู่บ้านเดียวกันมาชักชวนไปทำงานต่างประเทศ นายประหยัด จึงตัดสินใจไปทำงานยังประเทศอิสราเอล เพื่อต้องการหารายได้มาเลี้ยงจุนเจือครอบครัว เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้
รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพว่า นายประหยัด เดินทางกลับไปทำงานรอบสองที่อิสราเอล เนื่องจากยังไม่ครบสัญญาจ้างเดิม 5 ปี ประกอบกับภาระครอบครัวที่ต้องดูแล แต่มาโดนระเบิดจากภัยภัยสงครามเสียชีวิต ครอบครัวก็จะได้รับเงินช่วยเหลือกตามสิทธิประโยชน์ที่ควรจะได้รับ เนื่องจากไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งก็ได้กำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน เร่งประสานสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่สูญเสียเสาหลัก รวมถึงเรื่องการศึกษาของบุตร และให้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ดูแลเรื่องสภาพจิตใจของครอบครัวด้วย.