"อีสท์ วอเตอร์" เสนอขายหุ้นกู้ สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในปัจจุบันและอนาคต เดินหน้าพัฒนาระบบโครงข่ายท่อเพิ่ม สร้างศักยภาพและความมั่นคงด้านน้ำอย่างต่อเนื่อง พร้อมพร้อมชี้แจงความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการท่อส่งน้ำสายหลักทดแทน

นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน)  หรือ อีสท์ วอเตอร์  (EASTW) เปิดเผยว่า บริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีหลักประกัน จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน โดยเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ แบ่งเป็นหุ้นกู้ 3 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 อายุ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2571 อัตราดอกเบี้ย 4.21% ต่อปี ชุดที่ 2 อายุ 7 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2573 อัตราดอกเบี้ย 4.41% ต่อปี ชุดที่ 3 อายุ 10 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2576 อัตราดอกเบี้ย 4.81% ต่อปี มูลค่า 1,150 ล้านบาท รวมทั้ง 3 ชุด จำนวน 2,900 ล้านบาท ทั้งนี้ได้เปิดให้จองซื้อหุ้นกู้ทั้ง 3 ชุดในระหว่างวันที่ 10 และ 11 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และเป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่งสามารถขายได้ทั้งหมด สะท้อนความเชื่อมั่นจากผู้ลงทุนในศักยภาพของบริษัท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ไปใช้ในโครงการระบบท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ-แหลมฉบัง โครงการลงทุนในธุรกิจน้ำดิบ และธุรกิจน้ำอุตสาหกรรม

โดย อีสท์ วอเตอร์ ขอชี้แจงความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการท่อส่งน้ำสายหลักทดแทนท่อส่งน้ำเดิม ซึ่งการวางท่อส่งน้ำทั้ง 3 โครงการ มีวัตถุประสงค์ให้ผู้ใช้น้ำได้มีน้ำใช้อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ส่งมอบท่อบางส่วนคืนให้แก่กรมธนารักษ์แล้ว เพื่อให้ศักยภาพในการส่งน้ำสายหลักมีประสิทธิภาพ และเป็นที่หนึ่งในภาคตะวันออกอีกครั้งในระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งความยาวของท่อส่งน้ำสายหลักประมาณ 526 กม.  ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา และยังมีแผนพัฒนาศักยภาพการสูบส่งน้ำไปยังพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย โดยมีความคืบหน้าโครงการ ดังนี้

โครงการท่อส่งน้ำดิบหนองปลาไหล - หนองค้อ - แหลมฉบัง ในพื้นที่จังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรี สามารถรองรับการส่งน้ำได้ 350,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน มากกว่าเดิม ทำให้ส่งน้ำไปให้พื้นที่ชลบุรี ได้อย่างเพียงพอ เพื่อรองรับความต้องการน้ำที่เพิ่มขึ้นหรือในกรณีเกิดภัยแล้ง เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน ความยาวกว่า 57.1 กิโลเมตร คาดการณ์วางท่อแล้วเสร็จภายในปีนี้ 

โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบคลองหลวง จังหวัดชลบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลอง
หลวงรัชชโลทรมายังอ่างเก็บน้ำหนองค้อ แทนการผันน้ำผ่านคลองพานทอง ความยาวกว่า 49 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อจากท่อส่งน้ำสายหลักปลวกแดง - บ่อวิน ความคืบหน้าโครงการวางท่อแล้วเสร็จ 42 กิโลเมตร ในส่วนที่เหลืออีก 7 กิโลเมตร อยู่ระหว่างการขออนุญาตให้วางท่อในพื้นที่ของกรมธนารักษ์ ซึ่ง อีสท์ วอเตอร์พร้อมดำเนินการ เพื่อเพิ่มต้นทุนน้ำในพื้นที่ชลบุรีได้อีก 20-30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบมาบตาพุต-สัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพิ่มศักยภาพในการส่งน้ำให้แก่ภาคอุปโภค
บริโภค และท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ความยาวกว่า 27 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อระบบท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-มาบตาพุด คาดว่าจะวางท่อแล้วเสร็จภายในปีนี้

ขณะที่ในส่วนของการก่อสร้างที่มีผู้ร้องเรียนว่า การก่อสร้างโครงการท่อส่งน้ำสายหลักในพื้นที่ปลวกแดงส่งผลกระทบกับชุมชนในพื้นที่โดยรอบ และมีความกังวลว่าท่อส่งน้ำดิบที่วางไปสามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ รวมถึงการกลบผิวถนนไม่ดี และมีรอยแตกร้าว อีสท์ วอเตอร์ ขอชี้แจงว่า การวางท่อส่งน้ำดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อลดผลกระทบจากการก่อสร้าง และให้งานสำเร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ใช้น้ำ และมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ ทั้งนี้การดำเนินการมีกระบวนการถูกต้องตามหลักวิศวกรรมและมาตรฐานที่กำหนดไว้ อีกทั้งการขออนุญาตต่างๆมีการดำเนินการอย่างถูกต้อง ส่วนผลกระทบระหว่างงานก่อสร้าง บริษัทได้กำกับ ดูแล ให้เกิดผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องให้น้อยที่สุด หากเกิดปัญหาจะเข้าดำเนินการปรับปรุงแก้ไขโดยเร่งด่วน ทั้งนี้ที่หน้างานมีการระบุผู้ประสานงานอย่างชัดเจน พร้อมที่จะรับเรื่องและแก้ไขให้ทันที ซึ่งปัจจุบันการปรับผิวถนนได้ดำเนินการแล้วเสร็จ และคืนสภาพโดยไม่มีรอยแตกร้าว

ส่วนในเรื่องของกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการลงทุนก่อสร้างเพิ่มเติม อีสท์ วอเตอร์ ขอชี้แจงให้ทราบว่ากระบวนการได้ดำเนินการถูกต้องตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง และถูกต้องตามหลักธรรมมาภิบาล ซึ่งโครงการมีความเร่งด่วน เนื่องจากต้องการก่อสร้างท่อทดแทนท่อเดิม โดยมีวัตถุประสงค์หลักให้ผู้ใช้น้ำมีน้ำใช้อย่างต่อเนื่อง และได้รับผลกระทบจากการส่งมอบท่อคืนให้น้อยที่สุด รวมถึงการสร้างท่อส่งน้ำสายหลักให้กลับมาเป็น Water Grid ที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทยอีกครั้งในปลายปี 2566 รวมถึงแก้ไขปัญหาภัยแล้งพื้นที่ภาคตะวันออกอย่างยั่งยืน เป็นสิ่งที่อีสท์ วอเตอร์มุ่งมั่น และตั้งปณิธานที่จะทำให้สำเร็จ ดังนั้นจึงต้องการความช่วยเหลือสนับสนุนจากทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่จะดำเนินการร่วมกัน

นอกจากนี้ อีสท์ วอเตอร์ยังมีแผนการแก้ปัญหาภัยแล้งอีกหลายโครงการที่จะดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐเช่น โครงการผันน้ำประแสร์-หนองปลาไหล โครงการสูบผันน้ำแม่น้ำบางปะกง, โครงการจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำเอกชน, โครงการบริหารระบบสูบน้ำกลับวัดละหารไร่,โครงการบริหารระบบสูบน้ำกลับคลองสะพาน เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ศักยภาพของแหล่งน้ำต้นทุน และโครงข่ายท่อส่งน้ำ (Water Grid) ของอีสท์ วอเตอร์ มั่นคง และแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่ EEC สร้างการเติบโต และสร้างความมั่นคงด้านน้ำ (Water Security) ให้แก่พื้นที่ภาคตะวันออกอย่างยั่งยืนตลอดไป