วันที่ 15 มี.ค.2566 นายเชาว์ มีขวด ทนายความ อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟสบุ๊คแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล เรื่อง “เงินแจกดิจิทัล กับ เงินแจกซื้อเสียง คือเงินเเหมือนกัน “ตั้งตัวได้” จริงหรือไม่” มีเนื้อหาระบุว่า  กรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง กล่าวถึงเรื่องการแจกเงินดิจิทัลวอลเล๊ต ว่า “สำหรับ เงินดิจิทัลวอลเล็ต อยากอธิบายให้ฟังว่า สมมุติวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 คนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปได้คนละหมื่นบาท บ้านไหนมีสามคนห้าคนเอาไปตั้งตัวได้เลย คิดดูว่า มีประโยชน์มากแค่ไหน และเงินที่ได้ไปใช้ใน กทม.ไม่ได้ ต้องใช้ในเขตที่ท่านอยู่ จะช่วยพัฒนาชุมชนที่ท่านอยู่ ไม่ใช่พัฒนาเมืองใหญ่อย่างเดียว ซึ่งมีหลายท่านไม่เห็นด้วย แต่ตนก็ไม่เห็นด้วยกับคนที่ไม่เห็นด้วย แต่เรารับฟังความคิดเห็น เพราะเราเป็นรัฐบาลของประชาชน รับฟังแล้วปรับให้ดีให้เป็นนโยบายที่โดนใจทุกคน คิดดูวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีเงิน 5.6 แสนล้านเข้าไปในระบบ ถ้าเป็นภาคอุตสาหกรรมจะเตรียมสินค้าออกมารองรับหรือไม่ จะมีการจ้างคนเพิ่มหรือไม่ เงินจะอยู่ในกระเป๋าประชาชนมากขึ้นแค่ไหนอย่างไร ท่านอย่ายอมให้คนที่ไม่เห็นด้วยโดยไม่มีเหตุผลมายับยั้งโครงการนี้ ถ้าชอบก็ขอให้พูดบ้าง ให้เปล่งเสียงออกมาบ้าง”

นายเชาว์ กล่างต่อว่า ตนฟังแล้วรู้สึกสังเวชใจสิ้นหวังกับชีวิตคนไทยจริงๆ คิดง่ายๆอย่างนี้ว่าถ้าเงินดิจิทัลคนละหนึ่งหมื่นมันสามารถทำให้คนไทยตั้งตัวได้ คนไทยแต่ละครอบครัวคงรวยไปนานแล้วไม่ต้องรอเงินแต่หนึ่งหมื่นของนายกเศรษฐาก็ได้ เพราะการได้รับเงินแจกครอบครัวละสามหมื่นถึงห้าหมื่นสำหรับครอบครัวคนไทยถือเป็นเรื่องปกติและมีมานานแล้ว ไม่เชื่อนายกเศรษฐาลองไปถาม กกต. ดูก็ได้ว่า  ในแต่ละปีที่มีการเลือกตั้งทุกระดับ ตั้งแต่ท้องถิ่นจนถึงระดับชาติ เขาใช้เงินแจกประชาชนกันปีหนึ่งๆกี่แสนล้าน ตัวเลขครอบครัวละสามหมื่นถึงห้าหมื่นของนายกเศรษฐษาถือเป็นเรื่องซิลๆสำหรับชาวบ้านไปลย เลือกตั้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต. แต่ละครั้งเขาแจกกันหัวละ สามพัน ห้าพัน หรือบางที่อาจจะสูงถึงหนึ่งหมื่น นี่ไม่รวมการเลือกตั้งระดับชาติ  ปีหนึ่งๆมีการเลือกตั้งทุกระดับหลายครั้ง ผมคิดว่า เฉลี่ยแล้วแต่ละครอบครัวได้รับมากกว่าตัวเลขของนายเศรษฐาแน่นอน

"ผมจึงขอถามนายกเศรษฐาว่า เงินที่ประชาชนได้รับแจกซื้อเสียงนักการเมือง กับการแจกเงินดิจิทัล มันก็คือเงินเหมือนกันใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ก่อนที่จะแจกเงินดิจิทัล ขอให้ท่านกลับไปถามประชาชนก่อนว่า เงินที่เขาได้รับแจกจากนักการเมืองเพื่อซื้อเสียง ปีละหลายครั้ง ครอบครัวละหลายหมื่น ทำให้ประชาชนเหล่านั้นมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือตั้งตัวได้บ้างหรือไม่  คำตอบ คือไม่เคยทำให้ประชาชนตั้งตัวได้จริง   ที่แย่ไปกว่านั้น คือการสร้างวงจรอุบาทถอนทุนคืนทางการเมืองที่สร้างความเสียหายต่อระบบการเมืองและเศรษฐกิจทำให้บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพพายเรือวนในอ่าง  หยุดผลิตโครงการประชานิยมที่แอบแฝงไปด้วยการทุจริตเชิงนโยบาย สร้างนิสัยให้ประชาชนขนคอยแต่จะแบมือรับ เสียทีเถอะครับ เงินงบประมาณแผ่นดินโดยหลักการรัฐบาลต้องนำไปใช้ในการบริหารให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อหน่วยงานองค์กรไม่ใช่มาไล่แจกกันอย่างนี้ ซึ่งอาจทำให้มองไปได้ไม่ต่างกันกับเงินแจกซื้อเสียงจากนักการเมือง"นายเชาว์ กล่าว