‘เพื่อไทย’ เปิดวงคุยดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ‘สส.’ เผยความต้องการชาวบ้าน ‘รมช.คลัง’ ย้ำเดินหน้าต่อ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศและสร้างโอกาสประชาชน ขณะที่ ‘แพทองธาร’ เชื่อมั่นหากดำเนินนโยบายสำเร็จ ต่างชาติจะยกย่องเป็นตัวอย่าง

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมเสวนากับ สส. เรื่องการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ สส.ได้แสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นการสะท้อนความต้องการของพี่น้องประชาชน หลักเกณฑ์และระยะทางในการใช้งาน

โดย นายจุลพันธ์ กล่าวว่า จากที่ฟังคำถาม และความเห็นของ สส. ในพรรค ก็คิดเห็นตรงกันว่านโยบายนี้มีความจำเป็น อีกทั้งในภาคเอกชนก็อยากเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านเงินดิจิทัล และเสียงของประชาชนก็อยากให้เดินหน้าต่อ เพื่อนำเงินไปต่อยอดชีวิต ตอนนี้สถานการณ์เศรษฐกิจประเทศไม่ได้เข้มแข็ง ซึ่งมีความเห็นหลายมุมมอง แต่กระทรวงการคลังมีหน้าที่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่องบประมาณ ถ้าเศรษฐกิจโตไม่ถึง 2% ต่อไปแบบนี้ ในอนาคตเราจะถึงจุดแตกหัก งบประมาณของรัฐโตไม่ทันสวัสดิการที่เราต้องให้กับประชาชน และเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน GDP เราโตช้ามาก ซึ่งเราต้องดึงเศรษฐกิจไทยกลับไปโตอย่างมีศักยภาพ รัฐบาลมองว่าต้องโต 5% เป็นอย่างต่ำ

“เรื่องนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนโยบายเท่านั้น ที่ผ่านมารัฐบาลดำเนินการมาหลายอย่างแล้ว ทั้งลดค่าไฟ วีซ่าฟรี แก้ไขกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อประชาชน โดยเราทำเป็นแพ็กเกจใหญ่  ซึ่งในภาพรวมทั้งหมดจะทำให้คุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนดีขึ้น และอยากให้ สส. ช่วยชี้แจงประชาชนให้เข้าใจ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สำหรับข้อกังวลสถานการณ์เงินเฟ้อ มั่นใจว่าจะไม่กระทบมาก เพราะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 1.25% เป็น 1.50% แล้ว ทำให้สามารถหยุดสถานการณ์เงินเฟ้อได้อย่างน่าพอใจ และยังมีกลไกในการดูแลให้เหมาะสม ในการขยายเศรษฐกิจให้ใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ยังยืนยันว่า เงินดิจิทัลที่กำลังดำเนินการนั้นมีเงื่อนไขในการใช้ เพราะต้องการให้เงินไปกระตุ้นเศรษฐกิจจริงๆ โดยเฉพาะข้อกำหนดว่าต้องใช้ในระยะเวลา 6 เดือน ตามระยะทางที่กำหนด ห้ามเอาไปใช้ซื้อสินค้าบางประเภท นโยบายนี้จึงเป็นนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ มากกว่านโยบายใดที่เคยมีมาก่อนหน้านี้

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ประชาชนยังรอรับเงิน เพื่อเตรียมการลงทุนเราจะได้เห็นถึงการจ้างงาน เราพูดคุยกับสถาบันการเงินของรัฐบางแห่ง อย่างธนาคารออมสิน หรือ ธกส. หากสามารถรวมกลุ่มมา มีการวางแผนการผลิตอย่างชัดเจน เช่น การทำการเกษตร และนำเงินมาซื้อปัจจัยหรือสินค้าของ ธกส. ธนาคารเหล่านั้นก็พร้อมให้เงินกู้เพิ่มเติม เพื่อไปเป็นเงินลงทุนต่อได้ เป็นการสร้างเม็ดเงินมหาศาลในการลงทุนของประเทศไทย

“สิ่งที่เราเดินหน้ามา เราเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ เห็นโอกาส เห็นความหวังของพี่น้องประชาชนว่าจะสามารถนำเม็ดเงินเหล่านี้ไปต่ออายุ ไปยืดชีวิต ไปประกอบอาชีพ ไปสร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังกล่าว

นายจุลพันธ์ ระบุว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นทุกฝ่าย ในเรื่องของระยะทางก็พร้อมผ่อนปรน ในคณะอนุกรรมการฯ ที่จะมีการพูดคุยกันในสัปดาห์นี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและเม็ดเงิน หรืออาจะขยับระยะทางจาก 4 กิโลเมตรเป็นตำบล เป็นจังหวัด เพื่อเป็นการทำให้เศรษฐกิจจะหมุนเวียนมากขึ้น แต่ยืนยันว่าเราจะไม่ให้เสียหลักการและวัตถุประสงค์ของโครงการนี้อย่างแน่นอน

“นโยบายนี้เป็นนโยบายหลักและเป็นประโยชน์ ไม่ใช่แค่กับประชาชน แต่ยังกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้ประชาชนเป็นกลไก ในการให้ประชาชนมาช่วยกันกับรัฐบาล ให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าว

ขณะที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และรองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กล่าวว่า สส.ได้ลงพื้นที่และพูดคุยกับประชาชน ไม่ได้มีข้อที่บอกว่าควรทำหรือไม่ควรทำ  แต่ถามมากกว่าว่าจะได้เมื่อไหร่ ฉะนั้นประชาชนในพื้นที่กำลังรอคอยนโยบายนี้อย่างใจจดใจจ่อ เราเห็นได้ชัดว่าเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้ถูกกระตุ้นในภาพรวมและภาพใหญ่แบบนี้มานานแล้ว จึงหวังว่านโยบายนี้จะช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศได้ครั้งใหญ่ ถามว่าใหญ่แค่ไหนก็ใหญ่เท่าที่ว่าหากเราทำสำเร็จต่างชาติจะดูเราเป็นตัวอย่างด้วยซ้ำว่าเราทำได้อย่างไร ทั้งนี้ตอนที่เราออกหาเสียงต้องกำหนดเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจหมุนเวียนและทั่วถึง ทั้งประชาชนที่อยู่ไกลอาจจะมีรายละเอียดต่างๆ ให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น

นางสาวแพทองธาร กล่าวต่อว่า นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วยังยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่สำคัญอย่างมาก และแน่นอนว่ารัฐบาลนี้เรามีนโยบายอื่นๆ ที่ทำควบคู่กันไปด้วยและเริ่มคิกออฟไปแล้ว เราก็จะเริ่มเห็นผลสำเร็จค่อยๆ ตามมาในแต่ละนโยบาย อย่างไรก็ตามนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตจะนำไปสู่การจ้างงานและเกิดการสร้างอาชีพ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดก็จะได้รับผลประโยชน์ทั่วกัน อีกทั้งรัฐบาลก็จะได้ผลตอบแทนมาในรูปแบบของภาษี ซึ่งภาษีที่ได้กลับมาก็จะทำให้รัฐบาลมีงบประมาณในการพัฒนานโยบายอื่นๆต่อยอดอีก เพื่อพัฒนาประเทศและช่วยเหลือและเพิ่มโอกาสให้ประชาชนได้

“วันนี้ที่เราได้ประชุมกันก็รับฟังความคิดเห็นจาก สส.ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง  และมาคุยกับรัฐมนตรีแล้ว ก็ขอฝากรัฐบาลไว้ด้วยว่าให้ทำนโยบายนี้ให้สำเร็จอย่างที่เราได้บอกกับประชาชนไว้ เพื่อรัฐบาลเข้มแข็งและประชาชนทุกคนก็จะได้รับประโยชน์ไปพร้อมกัน” นางสาวแพทองธาร กล่าว