วันที่ 10 ตุลาคม 2566 มีรายงานว่า เมื่อคืนกลางดึกที่ผ่านมา ได้มีแรงงานชายชาวไทย ซึ่งเป็นชาว อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ซึ่งพึ่งเดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เมื่อช่วงเดือน มิ.ย.2566 ที่ผ่านมา และได้รับผลกระทบจากการโจมตีของกองกำลังฮามาส ที่มีต่อประเทศอิสราเอลเหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2566 ได้ติดต่อกลับมายังประเทศไทยผ่านทางเพจหนึ่ง ซึ่งเป็นเพจข่าวท้องถิ่นใน จ.เชียงราย ว่า ตนและพรรคพวกเป็นแรงงานชาวไทยที่เดินทางไปทำงานอยู่ที่เมืองโมชาฟมิสเตอร์คิม ประเทศอิสราเอล ใกล้กับฉนวนกาซาที่เป็นเขตพิพาท ซึ่งในย่านนี้มีคนไทยประมาณ 200 คน เข้าไปทำงานรับจ้างด้านการเกษตรในหลายหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กัน และในกลุ่มของตนมีประมาณ 20-30 คน ปรากฎว่าเมื่อเกิดเหตุยิงต่อสู้กันพวกตนก็หลบหนีไปซ่อนตัวในที่ปลอดภัย และพบมีคนที่เสียชีวิตเพราะถูกยิง ถูกระเบิด สูญหายและถูกจับไปเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นคาดว่ามีคนเสียชีวิตมากกว่า 20 คนและสูญหายมากกว่า 30 คน

แรงงานรายดังกล่าว ยังส่งคลิปสภาพแคมป์คนงานที่ถูกกลุ่มติดอาวุธบุกยิงจนมีผู้เสียชีวิตหลายรายกลับมา โดยเป็นภาพการบุกเข้าไปยิงคนภายในห้องพักในระยะใกล้เหตุเกิดในเมืองคิวบูท ประเทศอิสราเอล จนทำให้แรงงานแต่ละรายนอนระเกะระกะอยู่กับพื้นห้องพักและเมื่อมีคนดิ้นรนก็มีการยิงซ้ำอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งแรงงานไทยรายเดียวกันนี้ระบุว่าจุดเกิดเหตุเป็นแคมป์คนงานชาวไทยที่อยู่เป็นกลุ่มใหญ่และถูกกำลังติดอาวุธบุกเข้าไปกราดยิงจนมีเสียชีวิต 17 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนของตนและมีผู้ที่หนีรอดออกมาได้เพียง 2 คน ทำให้ตนได้ติดต่อไปยังเพื่อนที่รอดชีวิตเขาก็ยืนยันว่าจุดที่ถูกบุกยิงเป็นแคมป์คนงาน ซึ่งไม่อยากเชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ 

แรงงานไทย ชาว อ.เวียงแก่น รายนี้ ยังได้ระบุว่า หลังเกิดเหตุพวกตนถูกส่งไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อความปลอดภัยและมีกองกำลังทหารของอิสราเอลคอยคุ้มกันอยู่ พร้อมกันนี้เขายังได้ถ่ายคลิปสั้นยาวประมาณ 30 วิธี ในเวลา 17.00 น.ของวันที่ 8 ต.ค.ตามเวลาประเทศอิสราเอล โดยเป็นภาพขณะที่แรงานไทยประมาณ 30 คน อยู่ภายในสถานที่คุ้มกันของทหารอิสราเอลและรอการช่วยเหลือให้พาเดินทางกลับประเทศไทย

"จนถึงขณะนี้ตนไม่คิดถึงเรื่องอื่นใดอีกนอกจากอยากจะกลับประเทศไทยเท่านั้น แต่ปัญหาหลังเกิดเหตุการณ์รุนแรงใหม่ๆ คือไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้เพราะมีปัญหาเรื่องสัญญานอินเตอร์เน็ตล่ม ดังนั้นหลังจากปลอดภัยและถูกส่งไปยังสถานที่ที่ได้รับการคุ้มกันนี้แล้วก็อยากกลับประเทศไทย ดังนั้นแอดมินเพจได้แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และช่องทางติดต่อไปยังสถานเอกอัคราชฑูตราชอาณาจักรไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ และกรมการจัดหางานเพื่อให้แรงงานคนดังกล่าวได้นำไปโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ไทยเพื่อขอรับการช่วยเหลือแล้ว.