วันที่ 5ต.ค.2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เดินทางไปร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน ปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติด ณ ห้องประชุมด่านศุลกากรเชียงแสน ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ชายแดนไทย-สปป.ลาว ซึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้แจ้งให้หน่วยงานต่างๆ ได้ประสานงานด้านการข่าวหลังจากที่ผ่านมาเป็นไปในลักษณะต่างฝ่ายต่างทำ โดยตนไม่สนใจเรื่องวิธีการแต่ตนต้องการให้ไปให้ถึงเป้าหมายเป็นสำคัญ เพื่อลดการนำยาเสพติดเข้าสู่ชั้นในของประเทศให้ได้มากที่สุด เมื่อจับกุมผู้ต้องหาได้ให้จัดทำเป็นเครือข่ายความสัมพันธ์บุคคล เส้นทางการเงิน ฯลฯ และมีการยึดทรัพย์อย่างจริงจัง ส่วนการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและยั่งยืนคือการดำเนินโครงการเพื่อให้ครอบครัวและสังคมเข้มแข็งไม่เช่นนั้นก็จะมีคนเสพ เกิดคลุ้มคลั่งเมื่อนำไปบำบัดก็ทำร้ายแพทย์พยาบาลได้จนกลายเป็นวงจรปัญหา

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้มีข้อสั่งการว่า หากมีการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญและเจ้าหน้าที่ตำรวจตกเป็นผู้ต้องหาให้นายกตำรวจระดับ รอง ผบก.และรอง ผบช.เข้าควบคุมสั่งการบริหารคดีด้วยตัวเองและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด รวมทั้งให้ทุกหน่วยทำเรื่องเบิกค่าตอบแทนผู้แจ้งความและเงินตอบแทนเจ้าหน้าที่ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องในทุกคดี โดยแนวทางของตนคือเมื่อผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานก็ต้องได้เงิน ตร.ทำการสนับสนุนงบประมาณ เครื่องมืออุปกรณ์ ฯลฯ อย่างเต็มที่และจะมีการจัดให้มีรถหุ้มเกราะให้ครบทุกจังหวัดและรถสายตรวจประตูหน้าซ้ายขวาต้องมีเกราะป้องกันเพื่อให้เจ้าหน้าที่มีความปลอดภัยเพื่อดูแลประชาชนได้เต็มที่ ทั้งนี้เรากำลังจะแก้ปัญหาอุดรูรั่วให้ได้มันอาจจะไม่ 100% แต่อย่าให้มันหลุดเข้าไปมากเกินไปไม่เช่นนั้นจะน่าอาย

รายงานข่าวจาก ภ.จว.เชียงราย แจ้งว่าตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2566 จนถึงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดได้ 5,989 คดี ผู้ต้องหา 4,370 คน โดยเป็นข้อหาความผิดรายแรง 2,097 คดี และยึดของกลางเป็นยาบ้าได้จำนวน 41,561,600 เม็ด เฮโรอีน 11,712.42 กรัม ไอซ์ 1,405,112.2 กรัม ฝิ่น 29,740.15 กรัม คีตามีน 13,416.43 กรัม และในเดือน ก.ย.2566 ส่งท้ายปีงบประมาณเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มเติมอีก 389 คดี ผู้ต้องหา 309 คน ยึดของกลางเป็นยาาจำนวน 2,208,203 เม็ด ไอซ์ 1,224 กิโลกรัม (1,224,000 กรัม) เฮโรอีน 20.1 กรัม ฝิ่น 42.10 กรัม และคีตามีน 1.50 กรัม