วันที่ 5 ตุลาคม 2566 ที่ ป.ป.ง..นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมตรวจเยี่ยมและ มอบนโยบายในการปฏิบัติงานแก่คณะผู้บริหารสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.)    โดยมีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ประธานกรรมการ ปปง.)นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เลขาธิการ ปปง.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมชั้น 12 สำนักงาน ปปง. 

ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายแก่คณะผู้บริหารสำนักงาน ปปง.ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลด้านความมั่นคง โดยการใช้มาตรการตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด อันเป็นการตัดวงจรการประกอบอาชญากรรมที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยสรุปได้ดังนี้ 


 
1. เสริมสร้างภาพลักษณ์สำนักงาน ปปง. ให้มีความโปร่งใส สุจริต เที่ยงธรรมในการปฏิบัติงาน ผลักดันการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเพื่อปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตที่ดีและความคาดหวังของประชาชน เช่น การปราบปรามผู้มีอิทธิพล การปราบปรามยาเสพติดเพื่อคืนลูกหลานให้กับครอบครัว การปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นต้น โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้สำนักงาน ปปง. ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน ภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และมาตรฐานสากลเป็นสำคัญ 

2. เร่งรัดดำเนินการเพื่อยกระดับการปฏิบัติงานตามมาตรฐานสากล เพื่อเป็นการเพิ่มบทบาทการทำงานของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีในฐานะที่เป็นประเทศที่มีการดำเนินงาน   ตามมาตรฐานสากลในระดับเดียวกับนานาอารยประเทศที่พัฒนาแล้ว รวมถึงเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบการเงินของประเทศไทย และสร้างความน่าเชื่อถือด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ 

3. สร้างภาคีเครือข่ายในการปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายภาคประชาชน ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศในรูปแบบความร่วมมือ ปปง. ภาคประชาชน เพื่อให้การปฏิบัติงาน มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยยึดหลักคุณธรรมและสุจริต 

นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี  กล่าวอีกว่าการขับเคลื่อนนโยบายนั้น สิ่งสำคัญคือ การบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนภารกิจงาน จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน  เป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมฟอกเงินให้หมดสิ้นไป ซึ่งจะช่วยสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรฟอกเงิน รวมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศไทยในสังคมโลกด้วย


ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายหลัก คือ ความรวดเร็ว ฉับพลัน กระชับ และมีธรรมมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ และต้องคงไว้ซึ่งนิติธรรมและคุณธรรมด้วย จึงขอให้ช่วยกันทำงาน ช่วยกันดูแลบ้านเมือง ในช่วงที่ธุรกิจสีเทากำลังเฟื่องฟู ซึ่งสำนักงาน ปปง. ถือเป็นกลไกสำคัญที่จะนําพาประเทศอย่างก้าวหน้า