หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2566 หนุนแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา ...*...

เป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ ออกมาพูดถึง ความคืบหน้าของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ขณะนี้ได้ประสานบุคคลที่จะมาเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการเกือบคน 30 คน แล้ว เพื่อ เตรียมนำเสนอ ต่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาต่อไป...*...  

ประสา บารอน ว่าอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ มีความจำเป็นอะไรต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา เสียทั้งเวลา เสียทั้งเบี้ยเลี้ยงประชุม ที่มาจากภาษีประชาชนทุกบาททุกสตางค์ เพื่อประโยชน์ของนักการเมืองทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวอะไรกับปากท้องของประชาชนเลย ...*...

เมื่อ นายภูมิธรรม เวชยชัย พูดถึง แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไว้เป็นนโยบายว่า ไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และ หมวด 2 นั่นหมายถึงว่า ไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ความหมายก็เท่ากับ เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ซึ่ง ก็สามารถเสนอให้รัฐสภาพิจารณาได้เลย จะโดย พรรคการเมือง หรือ มติ ครม. เป็นผู้เสนอต่อรัฐสภาก็ได้ ไม่เห็นจะต้องไปโยกโย้ ตั้งคณะกรรมการให้เปลืองงบประมาณทำไม? ...*...

ยิ่ง นายภูมิธรรม เวชยชัย จะอ้างว่า ให้ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ ให้เลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. โดย กำหนดยกเว้นไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ในหมวด 1 หมวด 2 ที่นี่ บารอน มีความกังวลว่า เป็นแค่วาทกรรมเท่านั้น เอาเข้าจริง สสร. ที่ มาจากการเลือกตั้ง ใครหน้าไหน จะไปยับยั้งไม่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 1 หมวด 2 ได้ ...*...

การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ที่นี่ บารอน ชี้ให้เห็นว่า มีข้อดีมากมาย ข้อดีข้อแรกเลย มีความโปร่งใส เพราะ ประชาชนจะได้เห็นและรับรู้ ว่า จะเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราอะไร แก้ไปเพื่ออะไร เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน หรือ เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง รวมไปถึง กระทบต่อ 3 สถาบัน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หรือไม่ ...*...

อะไรไม่ว่า เป็นหน้าที่ของ สส. และ สว. อยู่แล้ว ที่ ต้องทำหน้าที่นิติบัญญัติ และ พิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่เห็นจะต้องไปตั้ง สสร.มาทำหน้าซ้ำซ้อนอีก หลีกหนีความขัดแย้ง และ เลี่ยงการใช้งบประมาณได้หลายหมื่นล้านบาท ...*...

มื้ออาหารเที่ยง ที่ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีคลัง นั่งกินข้าวกัน กับ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านเศรษฐกิจและการเงิน โดย นายกฯเศรษฐา ถึงกับโพสต์ยอมรับว่า ได้ประโยชน์มากครับ ยอมรับข้อกังวลของแบงก์ชาติ จะมีการโทรศัพท์พูดคุยกันอีก และ นัดพบกับอีกในเร็วๆวันนี้ คุยกันด้วยดี ไม่มีความขัดแย้งกันแน่นอน ...*...

บรรทัดนี้ บารอน เชื่อมั่น ในวุฒิภาวะ ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กับ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาสนฤพุฒิ ผู้ว่าแบงก์ชาติ เป็นสองอำนาจที่ถ่วงดุลระบบการเงินกัน ระหว่าง อำนาจฝ่ายบริหาร ที่ มาจากการเมือง กับ อำนาจปฏิบัติ ของแบงก็ชาติ เป็นอำนาจอิสระ การพบปะกัน เปิดใจคุยกัน บนผลประโยชน์ของประเทศชาติต้องมาก่อน ...*...

 เป็นไปตามที่ นายทักษิณ ชินวัตร พูดไว้ล่วงหน้าหลายเดือนก่อน ให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ไปทำเนียบฯ และ ให้ลูกอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ไปพรรคเพื่อไทย วันนี้ นายกฯเศรษฐา ไปอยู่ทำเนียบแล้ว ก็รอดู วันศุกร์ที่ 27 นี้ พรรคเพี่อไทย จะได้ หัวหน้าพรรคคนใหม่ ชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ตรงตามคำพูดของพ่อหรือไม่ เป็นการเมืองยุคใหม่ ของ คนรุ่นใหม่ พรรคการเมืองเก่าแก่ พรรคประชาธิปัตย์ หาก ยังไม่คิดใหม่ทำใหม่ เลือกตั้งครั้งต่อไป ตามโลกยุคดิจิทัลไม่ทันแน่นอน  ...*...

ผู้ใช้รถไฟฟ้าสายสีแดง และ สายสีม่วง ทวงถามมา เรื่องลดราคาตลอดสาย 20 บาท ของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีคมนาคม จะเริ่มประกาศใช้ได้เมื่อไหร่? ...*...

แต่กับ ส่วนต่อขยายรถไฟสายสีเขียว ทั้งช่วง แบริ่งไปสมุทรปราการ และ ช่วงหมอชิตไปคูคต ที่ กทม. ไปว่าจ้าง ให้เอกชนติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ ซึ่ง มีการส่งมอบและใช้งานไปแล้วหลายปี โดย มีการติดตามทวงหนี้กว่า สองหมื่นสองพันล้านบาท 5 ครั้งแล้ว ก็ได้แต่ แบ๊ะ แบ๊ะ ล่าสุด จะมีการนำเข้าให้สภา กทม.พิจารณา ในวันพุธที่ 4 นี้ หากมีการเบี้ยวหนี้ ไม่มีการนำเข้าพิจารณาอีก ที่นี่ บารอน ยุส่ง ให้ภาคเอกชนเจ้าหนี้ฟ้องสภา กทม. โทษฐาน ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับการประชุมสภา กทม. และ มีความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มีโทษถึงติดคุก 9 ปี มีตัวอย่างให้เห็นแล้วนะ

ที่มา:บารอน (4/10/66)