นาย จตุพร พรหมพันธ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "วุ่น!!" ระบุว่า แม้ สนง.ตำรวจแห่งชาติ ตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตร. คนใหม่แล้ว แต่ความวุ่นวายหลากหลายจะประเดประดังเข้ามาไม่รู้จบ เพราะระบบเส้นสายและการวิ่งเต้นใช้เงินซื้อตำแหน่งยังฝังแน่นอยู่ ดังนั้น งานใหญ่ก่อนทิ้งทวนเกษียณปี 2567 ผบ.ตร.ต้องสะสางระบบตำรวจผิดเพี้ยนเพื่อผดุงคุณธรรม เรียกศรัทธาประชาชนกลับคืนมา
นายจตุพร กล่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก รอง ผบ.ตร. บอกมีข้อมูลมากหากเปิดเผยตายกันหมดทั้ง สนง.ตำรวจแห่งชาติ แต่จะไม่เอาคืน ไม่แก้แค้น และไม่อยากทุบหม้อข้าวตัวเอง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บิ๊กโจ๊กพูดออกมานั้น เป็นการมัดหัวท้ายจนยากจะดิ้นหนีได้แล้ว
นอกจากนี้ยังกล่าวว่า มีการกล่าวหาตำรวจลูกน้องบิ๊กโจ๊กให้เงินสื่อมวลชนครั้งละหนึ่งหมื่น ซึ่งนักการเมืองกับข้าราชการ ถ้าให้และรับเงินเกิน 3,000 บาทย่อมเป็นปัญหาเข้าข่ายวินัยร้ายแรงแล้ว อีกทั้งยังบอกถึงการใช้เงินส่วนตัวกว่า 20 ล้านบาทต่อปีมาทำงานราชการ ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ควรตรวจสอบว่า เงินส่วนตัวมาจากไหน อย่างไร และใช้มากี่ปีแล้ว
นายจตุพร กล่าวว่า หลังบื๊กโจ๊กพูดถึงข้อมูลที่ยังไม่เปิดเผยออกมานั้น ทำให้สถานการณ์ใน สนง.ตำรวจแห่งชาติ ไปไกลมากกว่าที่คิด ความจริงถ้านิ่งมาแต่ต้น แค่รักษาลมหายใจเอาไว้ ย่อมมีโอกาสได้เป็น ผบ.ตร.อยู่แล้ว เพราะเกษียณปี 2574 และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.อีกคนเกษียณปี 2569 ส่วน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ขึ้นเป็น ผบ.ตร. คนใหม่ จะเกษียณปี 2567
ดังนั้น เวลาขึ้นเป็น ผบ.ตร.ช้าที่สุดของบิ๊กโจ๊ก ถ้าเป็นต่อคิวจาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ที่เกษียณปี 2569 แล้ว ยังเหลืออายุราชการอีกตั้ง 5 ปี จึงมีเวลาเหลือเฟือ แต่การพูดในลักษณะกำข้อมูลไว้เยอะ ย่อมมีผลกระทบกับเวลาที่เหลือ และกว่าจะเกษียณราชการปี 2574 จะได้ใช้หรือไม่ เพราะจะเต็มไปด้วยขวากหนามต่างๆ ตามมาเป็นอุปสรรคอีก
"บิ๊กโจ๊กพูดถ้าเปิดข้อมูลออกมา คงเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วควรเปิดเผยออกมา ถ้าไม่เปิดคนจะรู้สึกว่า เจตนาพูดเพื่ออะไร จะด้วยมิติอารมณ์หรืออะไรก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือบอกว่าตัวเองมีข้อมูล ซึ่งถ้านำมาเปิดเผยจะตายกันทั้ง สนง.ตำรวจแห่งชาติ สิ่งที่บิ๊กโจ๊กพูดออกมาล้วนนำไปมัดด้วยข้อกฎหมายทั้งสิ้น อีกทั้งสื่อมวลชนย่อมเดือดร้อนด้วย”
ขอบคุณ:รายการประเทศไทยต้องมาก่อน