ศาลปกครอง สั่ง กรมที่ดิน ชดใช้ค่าเสียหาย 4.9 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยให้ ธนาธร ปมที่ดินราชบุรี หลังสั่งเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส. 3. ก. โดยมิชอบ

เมื่อวันที่ 27 ก.ย.66 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง กระทรวงมหาดไทย (มท.) อธิบดีกรมที่ดิน และปลัดกระทรวงมหาดไทย กรณีที่มีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 747/2565 ลงวันที่ 29 มี.ค.2565 เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เนื้อที่ 43 ไร่ 3 งาน และเนื้อที่ 38 ไร่ 67 ตารางวา ตามลำดับ ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เนื่องจากตำแหน่งที่ดินตามหนังสือ น.ส. 3ก. ทั้งสองแปลง พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2512 จึงเป็นการออกหนังสือ น.ส.3 ก. ที่เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายที่ดิน ที่ห้ามมิให้ดำเนินการในเขตป่าไม้ถาวรและเป็นที่ดินต้องห้ามมิให้ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) และการที่กระทรวงมหาดไทยกับปลัดฯมหาดไทยมีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ของนายธนาธรที่ขอเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว จึงเป็นการกระทำที่ใช้ดุลพินิจชอบด้วยกฎหมายแล้ว
     
โดยศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้กรมที่ดิน ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 4,912,311.21 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา 3% ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ซึ่งออกตามความในมาตรา 7 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บวกด้วยอัตราเพิ่ม 2% ต่อปีเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ของต้นเงินจำนวน 4,785,782.98 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแต่ไม่เกิน 5% ต่อปี ตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด คืนค่าธรรมเนียมศาลแต่บางส่วนตามส่วนของการชนะคดีแก่ผู้ฟ้องคดี ยกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
    
 เนื่องจากศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้จากการตรวจสอบตำแหน่งที่ดินของหน่วยงานต่างๆ ตามหลักวิชาการที่ดิน ประกอบกับเมื่อพิจารณาจากแผนที่แสดงตำแหน่งแปลงที่ดิน เห็นว่าที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 158 และเลขที่ 159 ของผู้ฟ้องคดี อยู่ในแนวเขตที่ดิน ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2512 ได้กำหนดให้เป็นเขตพื้นที่ป่าไม้ถาวร "ป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี" หมายเลข 85 และต่อมาได้มีการประกาศกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าสงวนแห่งชาติ แต่ผู้ฟ้องคดีเป็นบุคคลภายนอก ได้ซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) โดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และได้รับความเสียหาย เมื่อนายอำเภอจอมบึง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (กระทรวงมหาดไทย) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ไม่ได้ใช้ความระมัดระวัง ความรู้ ความชำนาญ และความละเอียดรอบคอบในการตรวจสอบสภาพและที่ตั้งของที่ดิน ว่าเป็นที่ดินที่ต้องห้ามออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งตามวิสัยและพฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดี
    
 ดังนั้นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (กรมที่ดิน) จึงต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของนายอำเภอจอมบึง ในการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว