เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 23 ก.ย. ที่ สน.บางเขน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บชน.พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.ธิติพงศ์ ภิวัฒน์วุฒิกุล รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน และพ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม พร้อมพนักงานสอบสวน ชุดสืบสวน สน.บางเขน และกก.สส.บก.น.2 เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดีพ่อฆ่าลูกโบกปูน

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า เมื่อวานหลัง รับแจ้งจากนิติเวชว่ากระดูกที่ขุดพบ ในท้องที่สน. สายไหม ไม่ใช่กระดูกมนุษย์ จึงต้องมาวางแนวทางการสืบสวนกันใหม่ โดยให้ฝ่ายสืบสวน ซักถามน.ส.เจษฎา ว่าจำจุดทิ้งศพทั้ง4 คน ได้หรือไม่ โดย 2 จุดแรกที่ไปทิ้งในที่ ท้องที่สน. บางซื่อ นส.เจตฎา สามารถชี้ได้ตรงจุด บันทึกของ สน.บางซื่อ ต่อมาจุดที่ 3 และ 4 ที่ได้มีการตรวจสอบพบกระดูกแต่หลังจากตรวจแล้วไม่ใช้กระดูก มนุษย์ จึงต้องให้ทางผู้ต้องหายืนยันจุดที่ทิ้งให้แน่นอน เนื่องจากสภาพทางกายภาพได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว ซึ่งจากเดิมที่ผู้ต้องหาให้การว่าจำได้ว่ามีศาลพระภูมิและเป็นป่ากก แต่เมื่อเทียบกับแผนที่ของ Google ก็พบว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นปั๊มปตท. 

ในส่วนแรกคือ ต้องทำการตรวจสอบไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่รับผิดชอบของสน. สายไหม  คือโรงบาลภูมิพลและนิติเวช รพ.ตำรวจ ว่ามีผู้ พบศพนิรนามหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นจากการที่เราได้ตั้งฐาน ข้อมูล DNA ของนายส่องศักดิ์และน.ส.เจษฎา เพื่อหา ความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก พบว่ามีตรงกันเพียง 2 ศพ คือของพื้น สน.บางซื่อ จากน้ัน จึงตรวจสอบไปยังฐานข้อมูลของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ก็ไม่พบฐานข้อมูลความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก ของนายส่องศักดิ์และน.ส.เจษฎา เฉพาะนั้น จึงต้องขอประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือไปยังภาคประชาชนที่พบเห็นเหตุในช่วงเวลานั้น คือ  ปี 2559 กับ 2561 ว่ามีประชาชนได้พบเจอและได้นำไปทิ้งในถังขยะบ้างไม่ เนื่องจากการสืบส่วนทราบ รถขยะ ที่มาเก็บตรงพื้นที่นั้นจะต้องไปส่งคัดแยกที่ท่าแร้งพื้นที่สน. คันนายาว และ จึงคัดแยกขยะไปที่อำเภอกำแพงแสน ซึ่งสองจุดนี้ ถามเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก็ได้มีการลงพื้นที่แล้ว 

ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ได้สอบถามลูกสาววัย 12 ปี ของนางสาวเจษฎา ให้การว่า ได้เดินทางไปกับนายส่องศักดิ์และนางสาวเจษฎา ตอนไปทิ้งศพด้วยทุกครั้ง ลักษณะเป็นการนำใส่กล่องพลาสติกสีดำไปวางไว้ ไม่ได้ฝัง แต่ลูกสาวของนางสาวเจษฎา ให้การจุดที่ทิ้งไม่ตรงกัน โดยบอกว่าอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลประชาธิปัตย์ ซึ่งชุดสืบสวนก็จะไปตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะตามหาศพของเด็กทั้ง 2 คนอย่างเต็มที่

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวอีกว่า ชุดสืบสวนสอบสวน ยังได้ลงพื้นที่ไปสอบถามประวัติของนายส่องศักดิ์กับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบิดาของนายส่องศักดิ์ ให้การยืนยันว่า ในช่วงปี 2540-2546 ลูกชายได้มีพฤติกรรมบังคับน้องสาวให้กินสารพิษ ถ้าไม่ทำกินก็จะถูกทำร้ายร่างกาย เมื่อตนผู้เป็นพ่อทราบ ก็ได้เข้าไปตักเตือนว่ากล่าว กลับถูกลูกชายใช้มีดไล่แทง จึงมีการไปแจ้งความ และตัดพ่อตัดลูกกันตั้งแต่ตอนนั้น

ขณะที่ภรรยาคนที่ 1 ให้การว่า ช่วงคบหากัน ปี 2545-2549 ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ /  ภรรยาคนที่ 2 คบหากันปี 2552 แต่ไม่มีลูกด้วยกัน ให้การว่า ได้ถูกนายส่องศักดิ์ ใช้มีดจี้บังคับให้ไปจดทะเบียนสมรส และยังมีพฤติกรรมเตะ ต่อย ตี จนเจ้าตัวต้องแกล้งสลบ เพื่อไม่ให้ถึงแก่ชีวิต และปัจจุบันก็ยังไม่ได้จดทะเบียนหย่ากัน / ภรรยาคนที่ 3 ให้การว่า ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ

จนกระทั่งนายส่องศักดิ์มาคบกากับภรรยาคนที่ 4 คือ นางสาวเจษฎา มีลูก 5 คน เสียชีวิต 4 คน / และภรรยาคนที่ 5 คือ นางสาวสุนัน มีลูก 3 คน โดยจากการสอบถามมารดาของนางสาวสุนัน ให้การว่า นายส่องศักดิ์และนางสาวสุนัน ได้นำน้องโตโต้ ลูกชายคนสุดท้องมาฝากตนเลี้ยงไว้ โดย ตอนพามาก็มีร่องรอยบาดแผล ทราบว่าถูกนายส่องศักดิ์ทำร้าย เพราะโมโหง่าย และนายส่องศักดิ์ ยังเคยพูดกับนางสาวสุนันว่า “กูไม่ชอบ ไม่สนเด็กผู้ชาย” โดยนายส่องศักดิ์ ก็ไม่เคยมาเยี่ยมหรือส่งเสียค่าเลี้ยงดูเลย ซึ่งคำให้การนี้สอดคล้องกับมูลเหตุว่า ทำไมเด็กชายถึงเสียชีวิต

ส่วนประเด็นเรื่องการค้ามนุษย์ พนักงานสอบสวนได้ประสานกับ กระทรวง พม. แล้ว โดยเด็กยังอยู่ความดูแลของกระทรวง พม. และไม่พร้อมให้ปากคำ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานว่าตั้งแต่แรกเกิดมา ว่าเด็กมีลักษณะเป็นอย่างไร โดยจากการสอบปากคำนางสาวเจษฎา ยืนยันว่า ช่วงปี 2564-2565 ที่นายส่องศักดิ์นำเด็กมาให้เลี้ยงดูนั้น เด็กยังปกติ แต่มีเชื้อราที่ปาก ซึ่งนางสาวเจษฎา ก็ยังสงสัยว่าทำไมอาการเยอะ และหายาม่วงมารักษาให้ ขณะที่นายส่องศักดิ์และนางสาวสุนัน ยังไม่เปิดปากตอบเรื่องนี้ โดยพนักงานสอบสวน จะเข้าไปสอบปากคำในเรือนจำเพิ่มเติม หลังได้ผลตรวจจากแพทย์นิติเวชว่าสาเหตุเกิดจากอะไร หากพบว่ามีการทำร้ายเด็กจนมีอาการปากแหว่งและอาศัยความพิการไปแสวงหาผลประโยชน์ ก็จะประสานกับเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. ทำการคัดแยกเหยื่อ หากเข้าองค์ประกอบความผิดค้ามนุษย์ ก็จะดำเนินคดีถึงที่สุด โดยนางสาวเจษฎาจะมีความผิดด้วย เพราะเป็นผู้เปิดเฟซบุ๊กโพสต์ขอรับบริจาค

พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุด้วยว่า วันจันทร์ที่ 25 กันยายนนี้ พนักงานสอบสวนสน.บางเขน จะเดินทางเข้าพบนายส่องศักดิ์ ส่งแสง หรือ เอ็ม ในเรือนจำ เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในส่วนคดีการเสียชีวิตของลูกชาย 2 คน ในท้องที่สน.บางซื่อ เมื่อปี2559 และปี2561 ประกอบด้วยข้อหา ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นให้รับอันตรายสาหัส // ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย // ซ่อนเร้น ทำลายศพ // ช่วยเหลือผู้อื่ให้มิต้องรับโทษ // และทำลายศพที่ต้องชันสูตรพลิกศพ // ส่วนพฤติการณ์ของนายส่องศักดิ์ เข้าข่ายเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องหรือไม่ ตำรวจอยู่ระหว่างพิจารณาตรวจสอบหลักฐานทางคดี เพื่อแจ้งข้อหา “ ร่วมกันฆ่าผู้อื่น “