เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 ก.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนกองกับการสืบสวนนครบาล 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน กองพิสูจหลักฐาน ลงพื้นที่เก็บข้อมูลที่พักที่นายส่องศักดิ์ หรือเอ็ม เคยพักภายในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งซอยพหลโยธิน 50 แยก 11 โดยจุดนี้เป็นที่พักของนายส่องศักดิ์ และน.ส.เจษฎา ที่เคยพักเป็นจุดที่นายส่องศักดิ์ ระบุว่าเป็นจุดที่ ด.ช.ศักดา เสียชีวิต ปี 56 /ด.ช.ธนาทรัพย์ เสียชีวิต ปี 59 และ ด.ช.นัฐพงศ์ เสียชีวิต ปี 61 

จากการสอบถามเพื่อนบ้าน ระบุว่า ครอบครัวนี้ย้ายเข้ามาพักอาศัยอยู่ตั้งแต่ก่อนช่วงวิกฤตโควิด 19 ประมาณปี 2560-2561 ที่ผ่านมาก็เห็นทั้งคู่เดินไป เดินมา และทักทายกันตามปกติ แต่จะไม่เห็นก็ต่อเมื่อทั้งคู่เดินทางไปต่างจังหวัดเป็นเวลาหลายๆ วัน ซึ่งตัวนายส่องศักดิ์ ก็พูดจาทักทายดี ไม่มีอาการฉุนเฉียว หรือแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมให้เห็น รวมถึงที่ผ่านมาไม่เคยเห็นเด็ก 4-5 คนมาก่อน แต่เห็นเพียงเด็กหญิงเท่านั้น ที่มักจะมาเดินอยู่กับแม่เป็นประจำ แต่จะเดินฝั่งตรงข้ามเสมอ

ที่ผ่านมา ไม่เคยพูดคุยกับแม่เด็กเป็นการส่วนตัว เพราเจ้าตัวไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่มีเพียงแค่ครั้งเดียวที่ แม่ของเด็กเคยเดินมาขอให้แฟนตนไปรับตัวนายส่องศักดิ์ ที่ห้างสรรพสินค้ากลับมาส่งยังที่พักเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังเคยเห็นว่าที่แขนของเด็กหญิง มีผ้าพันแผลพันรอบ เมื่อสอบถามไปยังพ่อของเด็กก็ได้คำตอบว่า ลูกสาวต้มมาม่า และถูกน้ำร้อนลวกแขนจนบาดเจ็บ แต่รอยแผลอื่นตนไม่เคยเห็น เพราะตัวเด็กหญิงก็จะแต่งตัวมิดชิด ใส่เสื้อผ้าปกปิดร่างกายตลอดเวลา ครั้งหนึ่งเด็กหญิง เคยเข้ามาขออาหารตน เมื่อตนจะพาไปหาอาหาร อีกฝ่ายก็บอกว่าอยากกินมาม่า ตนจึงพาไปซื้ออาหารและนม ให้รับประทาน แต่ทางพ่อกับแม่ของเด็กไม่รู้ และเมื่อนายส่องศักดิ์ รู้เรื่อง ก็บอกกับตนว่า จะจ่ายเงินให้ แต่ตนปฏิเสธเพราะถือว่าซื้ออาหารให้หลานกิน ส่วนตัวตนไม่ทราบว่า ทั้งสองคนย้ายออกไปเมื่อใด เนื่องจากช่วงที่ทั้งคู่ย้ายออกไปเป็นช่วงที่เกิดโควิด 19 จึงทำให้ไม่ค่อยมีใครสนใจ

เมื่อทราบข่าวก็รู้สึกตกใจอย่างมาก เพราะแต่ก่อนก็จะมีการพูดคุยบ้างกับตัวนายส่องศักดิ์ จึงไม่คิดว่าจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ ส่วนตัวภรรยานายส่องศักดิ์ ตนก็เห็นว่าเป็นคนเงียบ ไม่สุงสิง และมักจะหลบตาผู้คนเสมอ